อธิบดีสวธ. เปิดเผยอีกว่า นอกจาก สวธ.ในฐานะหน่วยงานที่ดำเนินการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ จะขอพระราชทานเพลิงศพแล้ว และยังให้การช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ด้วยการมอบเงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิตเพื่อร่วมการบำเพ็ญกุศลศพ จำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท และเงินช่วยเหลือค่าจัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ตามระเบียบสวัสดิการของศิลปินแห่งชาติ
สำหรับประวัติของ นายอุทัย แก้วละเอียด เกิดเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๕ ที่ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนวัดอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เติบโตในครอบครัวปี่พาทย์ ได้หัดดนตรีไทยจนมีความสามารถ ต่อมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ระนาดเอกของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ณ สำนักปี่พาทย์บ้านบาตร เป็นศิษย์ที่คุณครูรักมากที่สุดคนหนึ่ง ได้รับการถ่ายทอดชั้นเชิงการบรรเลงเดี่ยวระนาด เพลงหน้าพาทย์ การปรับวง การขับร้อง และการประชันวงอย่างลึกซึ้งมีความรู้เตกฉาน ทั้งทางระนาดเอกและระนาดทุ้ม ท่านยังมีผลงานและประสบการณ์ด้านดนตรีไทยมาอย่างยาวนานกว่า ๖๕ ปี ได้รับใช้งานดนตรีที่บ้านบาตร แม้จนกระทั่งเกิดมูลนิธิหลวงประดิษฐ์ไพเราะขึ้นมาใน พ.ศ. ๒๕๒๔ ก็ยังทำหน้าที่เป็นทั้งครูผู้ฝึกสอน เป็นกรรมการตัดสินกิจกรรมการประกวดดนตรี และรับประสิทธิการอ่านโองการไหว้ครูโดยตรงจากคุณหญิงชิ้น ศิลปบรรเลง ได้ร่วมงานกับทายาทของคุณครูหลายท่าน โดยทำหน้าที่บรรเลงระนาดเอกให้กับคณะนาฏศิลป์ผกาวลีมาโดยตลอด ทั้งการแสดงในประเทศไทยและการออกเดินทางเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมในต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้บรรเลงระนาด ในรายการ "ดร.อุทิศแนะดนตรีไทย" ออกเผยแพร่ความรู้แก่สาธารณชนมาเป็นเวลากว่า ๓๐ ปีและบรรเลงปี่พาทย์ไว้กับงานบันทึกเสียงเพลงไทยอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งเพลงโบราณ เพลงชุดความรู้สายวิชาหลวงประดิษฐ์ไพเราะ และเพลงที่ ศ.ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ ได้ประพันธ์ขึ้นใหม่ ได้ใช้ความรู้ความสามารถทางด้านดนตรีไทยไปเผยแพร่ยังประเทศสหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา แคนาดา เม็กซิโก ปานามา ชิลี บราซิล กับคุณหญิงชิ้น ศิลปะบรรเลง เป็นเวลา ๙ เดือน มีผลงานประพันธ์เพลงจำนวนมาก เช่น เพลงอุสเรน เถา เทพทอง เถา ดอกไม้เหนือ เถา สุดคะนึง เถา โหมโรงมัธยมศึกษา โหมโรงอักษรศาสตร์ ฯลฯ ผลงานเพลงมีความไพเราะมาก ในวงการดนตรีปัจจุบันก็ยังมีการนำมาใช้บรรเลงอยู่ ได้รักษาตำราและพิธีการไหว้ครูของหลวงประดิษฐ์ไพเราะไว้อย่างเคร่งครัดต่อจากรุ่นครูประสิทธิ์ ศิลปะบรรเลง
และท่านยังได้รับเชิญให้แสดงเดี่ยวระนาดเอก ในการแสดงระนาดโลก ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ได้รับยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย) จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้รับรางวัลเพชรสยาม สาขาดนตรีไทย จากมหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม ในช่วงบั้นปลายของชีวิต ยังคงยึดมั่นตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ทำให้มีลูกศิษย์จำนวนมากยังดูแลและปรับวงไทยบรรเลงที่อำเภออัมพวาบ้านเกิด จนเป็นวงดนตรีไทยที่มีชื่อเสียงและยังสร้างสรรค์ผลงานเพลงอย่างต่อเนื่องนายอุทัย แก้วละเอียด จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย) พุทธศักราช ๒๕๕๒