ฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิต บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์เป็น “BBB+(tha)” แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

พุธ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๐ ๑๖:๕๖
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เป็น 'BBB+(tha)' จาก 'AA-(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นเป็น 'F2(tha)' จาก 'F1+(tha)' และให้แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมกันนี้ฟิทช์ได้ยกเลิก "เครดิตพินิจเป็นลบ" ของอันดับเครดิตทั้งหมด

การประกาศอันดับเครดิตในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของ BAM ได้เสร็จสิ้นไปเมื่อเดือนธันวาคม 2562 และส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของภาครัฐใน BAM ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ 45.8% จากเดิม 99.99% ดังนั้น BAM จึงไม่ได้มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

ฟิทช์เชื่อว่าการได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐนั้นไม่สามารถพึ่งพาได้อีกต่อไป เนื่องจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน BAM ลงอย่างมากของภาครัฐ น่าจะบ่งชี้ได้ว่า BAM ไม่ได้มีบทบาทเชิงกลยุทธ์ของรัฐในระยะยาวและบทบาทเชิงนโยบายของบริษัทนั้นอยู่ในระดับที่ด้อยกว่าเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินของรัฐรายอื่น

BAM ไม่น่าจะมีบทบาทในการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐมากนัก จากการที่บริษัทมีสถานะบริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการดำเนินกิจการในเชิงพาณิชย์ที่มากขึ้น นอกจากนี้ด้วยสถานะของบริษัทที่เป็นสถาบันการเงินที่มีใช่ธนาคาร ความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศของ BAM จึงน่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินรายใหญ่ที่สามารถรับเงินฝากได้ ดังนั้นฟิทช์จึงพิจารณาอันดับเครดิตของ BAM จากความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวบริษัทเอง ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับอันดับเครดิตเดิมที่พิจารณาจากการสนับสนุนจากภาครัฐเป็นปัจจัยหลัก

อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ BAM พิจารณาจากโครงสร้างธุรกิจของบริษัทที่มีขอบเขตค่อนข้างแคบ (narrowly focused) โดยเป็นการรับซื้อและแก้ไขหนี้ที่เป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเป็นส่วนใหญ่ และการที่บริษัทมีระดับหนี้สินที่สูง ซึ่งวัดจากอัตราส่วนเงินกู้ยืมต่อกำไรก่อน ดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (debts/EBITDA) ที่คาดว่าน่าจะปรับตัวขึ้นไปสูงกว่า 8 เท่า (ประมาณการจากค่าเฉลี่ย 4 ปีล่าสุด) ในระยะปานกลาง นอกจากนี้อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงผลงานในอดีตของบริษัทที่แสดงถึงความสามารถในการเก็บหนี้ (debt collection) และรายได้จากดำเนินงานที่อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ รวมทั้งการที่บริษัทมีโครงสร้างการชำระหนี้ที่ปรับตัวดีขึ้น (maturity profile) และยังมีวงเงินจากธนาคารพาณิชย์คงเหลืออยู่พอสมควร ซึ่งน่าจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงในด้านการระดมเงินและสภาพคล่องได้ในระดับหนึ่งในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง ฟิทช์เชื่อว่าความมีเสถียรภาพของการเข้าถึงแหล่งเงินทุน (funding access) ของบริษัท อาจจะถูกทดสอบเนื่องจาก BAM จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป

แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพสะท้อนถึงการที่ฟิทช์คาดว่า BAM น่าจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานได้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งในด้านการเก็บหนี้และรายได้ในระยะปานกลาง โดยไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของระดับการยอมรับความเสี่ยงและระดับหนี้สิน ซึ่งอาจบ่งชี้ได้จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากของสินทรัพย์หรือเงินกู้ยืมที่สูงขึ้น

อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BAM อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท เนื่องจากหุ้นกู้ประเภทดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีค่อนข้างจำกัด และน่าจะเกิดขึ้นได้ในเฉพาะกรณีที่ระดับหนี้สิน (leverage) ของ BAM มีการปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่อง พร้อมทั้งสามารถรักษาโครงสร้างธุรกิจของบริษัท (company profile) ให้มีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง

อันดับเครดิตของ BAM อาจถูกปรับลดอันดับ หากความสามารถในการระดมทุนหรือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ BAM ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการเปลี่ยนแปลงสถานะทางกฎหมายของบริษัทจากเดิมที่เคยเป็นรัฐวิสาหกิจ การปรับตัวแย่ลงอย่างมากของสัดส่วนระดับหนี้สิน เช่น อัตราส่วนเงินกู้ยืมต่อ EBITDA (debts/EBITDA) ปรับตัวขึ้นมาสูงกว่า 10 เท่าเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง อาจส่งผลให้บริษัทถูกปรับลดอันดับเครดิตลง นอกจากนี้การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากของต้นทุนทางการเงิน (funding cost) และการปรับตัวด้อยลงของความสามารถในการชำระดอกเบี้ยของบริษัท เช่น อัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่าย (EBITDA/interest expense) ที่ต่ำกว่า 2 เท่า หรือการที่บริษัทมีโครงสร้างการชำระหนี้ (funding maturity profile) ที่สั้นลงนั้นส่งผลให้อันดับเครดิตของบริษัทถูกปรับลดอันดับได้

การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ BAM น่าจะส่งผลกระทบในทางเดียวกันต่ออันดับเครดิตของหุ้นกู้

รายละเอียดทั้งหมดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้:

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวลดอันดับเครดิต เป็น 'BBB+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ จาก 'AA-(tha)' และยกเลิกเครดิตพินิจเป็นลบ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นลดอันดับเครดิต เป็น 'F2(tha)' จาก 'F1+(tha)' และยกเลิกเครดิตพินิจเป็นลบ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน ลดอันดับเครดิตเป็น 'BBB+(tha)' จาก 'AA-(tha)' และยกเลิกเครดิตพินิจเป็นลบ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๗ ทันตแพทย์ ม.พะเยา ลงพื้นที่ดูแลสุขภาพช่องปาก เด็กปากแหว่งเพดานโหว่ เติมรอยยิ้มสดใส ฟันดีทุกวัย
๑๗:๐๐ 'สานใจไทย สู่ใจใต้' รุ่นที่ 44 ซีพี - ซีพีเอฟ หนุนโครงการต่อเนื่องมุ่งเสริมสร้างโอกาสการศึกษา พัฒนาความคิดและทักษะอาชีพแก่เยาวชนไทยรุ่นใหม่
๑๗:๑๒ สงกรานต์นี้ ฉลองไปกับโรยัล เอ็นฟีลด์
๑๗:๐๗ ' ถอดบทเรียน' พลิกวิกฤต สู่โอกาส เรียนรู้แผ่นดินไหว สู่การจัดการอย่างยั่งยืน กรมอนามัย-สบส.มหิดล-อุบลราชธานี
๑๗:๔๑ ดีพร้อม เปิดโปรเจ็กต์สุดปังหนุนผู้ประกอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์แฟชั่นสายมูมงคล ดึงวัฒนธรรม ศรัทธา เสริมพลังบวก
๑๗:๔๑ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ประกาศผลผู้ชนะโครงการประกวดภาพศิลปะเด็กและเยาวชนแนวคิด ดื่มไม่ขับ หนุนทักษะศิลปะเยาวชน
๑๗:๐๗ โครงการอบรมและพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์ ประจำปี 2568 ให้คำปรึกษาทางการแพทย์แผนกทุยหนาและกระดูก
๑๗:๔๒ CPF เปิดบ้าน จัดงาน 'CP SPLASH IN SPACE' ปลุกพลัง Soft Power ชวนคนไทยฉลองสงกรานต์ เสิร์ฟความมันส์ ทะลุอวกาศบนถนนสีลม
๑๗:๐๐ BSRC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มีมติอนุมัติเดินหน้าการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัท
๑๗:๑๖ Splashing Together ทรู ดีแทค รวมกัน สงกรานต์สนุกขึ้นเยอะเลย