นายวิทวัส สวัสดิ์-ชูโต ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ปตท. มีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมงานวิจัยที่สร้างนวัตกรรม เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ใหม่ไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ที่สามารถต่อยอดNew Business S-Curve เพื่อเป็นการตอบสนองให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยสถาบันนวัตกรรม ปตท. ได้พัฒนาไบโอเซลลูโลส ที่มีส่วนประกอบหลักจากเส้นใยเซลลูโลสบริสุทธิ์ผลิตจากจุลินทรีย์ขนาดนาโนเมตร ซึ่งประกอบด้วยรูพรุนขนาดเล็กจำนวนมาก ทำให้ดูดซึมน้ำได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับใช้เป็นวัสดุปิดแผล เนื่องจากสามารถควบคุมสภาวะที่เหมาะสมในการรักษาบาดแผลของร่างกาย ส่งผลให้บาดแผลหายเร็วขึ้นและไม่ต้องพึ่งสารเคมีจากภายนอก โดยได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาวัสดุไบโอเซลลูโลสตลอดห่วงโซ่มูลค่า ตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์จุลินทรีย์ที่มีความเหมาะสมในการผลิต การพัฒนากระบวนการผลิต ตลอดจนการคัดเลือกเทคโนโลยีสำหรับกระบวนการฆ่าเชื้อของเวชภัณฑ์ทางการแพทย์อย่างครบวงจร เพื่อพัฒนาและผลักดันให้เกิดนวัตกรรมด้านเวชภัณฑ์ทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยโรคผิวหนังที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าระดับสากล อีกทั้งยังได้รับรางวัลเหรียญทองในงานแสดงสิ่งประดิษฐ์ในเวทีระดับนานาชาติ ครั้งที่ 45th (International Exhibition of Inventions Geneva 2017)
ถือเป็นเครื่องการันตีคุณภาพ และความพร้อมในการนำไปต่อยอดจำหน่ายเชิงพาณิชย์
นายแพทย์สมศักดิ์อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง มีบทบาทหน้าที่ ในการดูแล บำบัดรักษาผู้ป่วยโรคผิวหนังทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลระดับตติยภูมิไปจนถึงระดับSuper Tertiary Care การพัฒนาบริการ ในระดับ Super Tertiary Care สถาบันโรคผิวหนัง มีคลินิกเฉพาะทางด้านผิวหนังคอยรองรับความต้องการและเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาเพื่อสุขภาพผิวหนังที่ดีแก่ผู้ป่วย เพื่อความก้าวหน้าทางวิชาการของวงการแพทย์ผิวหนังไทยและนานาชาติ รวมถึงสร้างมาตรฐานการบริการที่ดีให้แก่ประชาชนและมีการพัฒนาคุณภาพการรักษาพยาบาลโดยคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมทางด้านวัสดุ อุปกรณ์การรักษาทางการแพทย์ เพื่อการรักษาที่มีคุณภาพ ประชาชนเข้าถึงบริการ วัสดุ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีคุณภาพระดับมาตรฐานสากล ดังเช่น วัสดุปิดแผลชนิดไบโอเซลลูโลส ที่ทางกรมการแพทย์ได้ร่วมมือคิดค้นและพัฒนาร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ความร่วมมือในวันนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญของการร่วมสร้างผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ด้าน Life Science เพื่อส่งมอบงานวิจัยและนวัตกรรมส่งเสริมเศรษฐกิจฐานชีวภาพอย่างต่อเนื่องลดการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีการแพทย์และสาธารณสุขตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยและเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป