นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปี 2563 ตามงบการเงินของบริษัท (ตุลาคม – ธันวาคม 2562) บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 2,388.2 ล้านบาท โดยรายได้จากการผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลเติบโตโดดเด่นที่สุด ซึ่งมีรายได้ 143.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 77.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายไฟฟ้าและราคาขายไฟเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งในสายธุรกิจชีวภาพที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกปีนี้ มีรายได้ 375.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยจะลดลง
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม KTIS กล่าวด้วยว่า เนื่องจากในปีนี้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลโดยรวมได้รับผลกระทบจากปริมาณผลผลิตอ้อยที่ลดน้อยลงทั้งระบบ จากปัญหาภัยแล้งที่รุนแรง ดังนั้น กลุ่ม KTIS จึงได้เน้นการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบในแต่ละสายธุรกิจอย่างเข้มข้น
"ราคาน้ำตาลตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลดีต่อสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายแน่นอน แต่ปริมาณน้ำตาล ที่ผลิตได้ก็มีน้อยลงด้วย ปีนี้จึงเป็นปีที่ต้องบริหารจัดการเรื่องของต้นทุนและการกำหนดราคาขายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้สายธุรกิจน้ำตาลของกลุ่ม KTIS จะได้รับเงินชดเชยส่วนของค่าอ้อยและเงินชดเชยค่าผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายจากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย รวมถึงเงินช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลอีกจำนวนหนึ่งด้วย" นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าของโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC Project) ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท จีจีซี เคทิส ไบโออินดัสเตรียล จำกัด (GKBI) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของกลุ่ม KTIS กับกลุ่มบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในอัตราส่วน 50 ต่อ 50 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งก่อสร้างโรงงานหีบอ้อยกำลังการผลิต 24,000 ตันต่อวัน โรงงานผลิตเอทานอลกำลังการผลิต 600,000 ลิตรต่อวัน และโรงงานผลิตไฟฟ้าและไอน้ำกำลังการผลิตติดตั้งไฟฟ้า 85 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 475 ตันต่อชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ปลายปีนี้