นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) เปิดเผยว่า "ปีนี้ถือว่าเป็นปีแห่งความท้าทายของนีโอเลยก็ว่าได้ เพราะเรามีภาระกิจในการจัดงานใหญ่หลายงาน และหนึ่งในนั้น คืองานยักษ์ใหญ่ในวงการสถาปนิกไทย "สถาปนิก'63 มองเก่า ให้ใหม่: Refocus Heritage" ซึ่งเราได้รับความไว้วางใจจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้บริหารการจัดงานสถาปนิกเป็นปีที่ 2 และในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่พิเศษ เพราะเราพยายามผลักดันให้เป็นงานแสดงวัสดุก่อสร้างและเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
ด้วยศักยภาพและประสบการณ์จากการจัดงาน ทั้งในฐานะผู้จัดงานเอง รวมถึงงานที่ร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ และในฐานะผู้บริหารจัดการ ทำให้เรามีเครือข่ายพันธมิตรผู้จัดงานในกลุ่มวัสดุก่อสร้างจากหลากหลายประเทศทั่วโลก และสามารถที่จะนำผู้ประกอบการในแต่ละประเทศทั้งรายเก่าและรายใหม่ เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าบนพื้นที่กว่า 75,000 ตารางเมตร และมีพาวิลเลียนจากต่างชาติเข้าร่วมแสดงในงาน อาทิ ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย รัสเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย โดยคาดว่าจะสร้างมูลค่าการซื้อขายภายในงานกว่า 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียน เราทุ่มเทอย่างหนักในการเดินทางพบปะพันธมิตรและผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการก่อสร้างทั่วอาเซียน และยังเดินสายจัดงานแถลงข่าวประชาสัมพันธ์การจัดงาน ในประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายประเทศ เช่น เมียนมา และกัมพูชา เพื่อดึงกลุ่ม Buyer หน้าใหม่ๆ จากทั่วเอเชีย ซึ่งเป็นหนึ่งในแคมเปญ Buyer Program ที่เราตั้งใจปั้นขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้พบกับกลุ่มผู้ซื้อซึ่งเป็น Key Player หลักจากหลากหลายประเทศ รวมถึงแคมเปญ การเข้าร่วมเจรจาจับคู่ทางธุรกิจผ่านระบบ Business Matching ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มโอกาสและต่อยอดธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับผู้ผลิตสินค้าจากต่างประเทศ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจก่อสร้างในระดับเอเชีย ซึ่งคาดว่าภายในงานจะมีการจับคู่เจรจาธุรกิจมากกว่า 500 นัดหมาย"
ด้าน ดร.วสุ โปษยะนันทน์ ประธานการจัดงานสถาปนิก'63 กล่าวว่า "ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงประเทศไทยมีสภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายๆ ภาคส่วน โดยเฉพาะภาคธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ หันมาให้ความสำคัญกับการปรับปรุงอาคารเก่าที่มีอยู่เดิมมากขึ้น เพื่อปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นให้เกิดการใช้งานใหม่ๆ แต่เนื่องจากการปรับปรุงอาคารเก่าต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในหลายๆ ด้าน ทั้งตัวสถาปนิก มัณฑนากร และผู้รับเหมา ที่สำคัญคือ วัสดุก่อสร้างที่ใช้สำหรับงานอนุรักษ์ ซึ่งในงานสถาปนิก'63 ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ "มองเก่า ให้ใหม่: Refocus Heritage" จะรวมทุกความต้องการมาไว้ในที่ที่เดียว"
นายศักดิ์ชัย เสริมว่า "ด้วยกระแสที่ผู้บริโภคหันมาปรับปรุง ซ่อมแซมและบูรณะอาคารเก่ามากขึ้น ทำให้กลุ่มธุรกิจด้านวัสดุก่อสร้างยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เราจึงตั้งใจที่จะดันให้งานสถาปนิกในปีนี้ เป็นงานที่รวมวัสดุก่อสร้างสำหรับการซ่อมแซมและปรับปรุงอาคารไว้อย่างครบวงจร และครอบคลุมทุกโปรไฟล์ อาทิ Sanitary Ware, Kitchen, Tile, Stone, Pipe, Pump, Waterworks, Pool & Spa, Finishes, Furniture, Paint, Wood, Laminate, Glass, Curtain & Decoration, Door, Windows, Roof, Metal & Services, Safety & Security, Lighting, Electronic Appliances และ International Building Materials and Decorations จากผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 850 ราย ได้เข้ามาจับจองพื้นที่แล้วกว่า 90% หากเทียบกับระยะเวลาและสภาพเศรษฐกิจ ถือว่ารวดเร็วและเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน"
ดร.วสุ เปิดเผยต่ออีกว่า "การจัดงานในครั้งนี้นอกจากการจัดแสดงสินค้าแล้ว ภายในงานยังจะได้เต็มอิ่มไปกับองค์ความรู้ อาทิ การเปิดเวทีเสวนาโดยนักธุรกิจ นักลงทุน เพื่อร่วมแบ่งปันประสบการณ์การสร้างธุรกิจจากแนวคิด "มองเก่า ให้ใหม่" รวมถึงการให้บริการคำปรึกษาปัญหาการออกแบบและก่อสร้างโดยสถาปนิก วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์อาคาร ในกิจกรรม "หมอบ้านอาษา" และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่สำคัญคือ นิทรรศการ ซึ่งภายในงานมีนิทรรศการให้เลือกชมในหลากหลายหัวข้อ อาทิ นิทรรศการวิกฤตมรดกบนโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนิทรรศการที่มุ่งนำเสนอประเด็นร้อนที่กำลังเกิดกระแสวิพากษ์ขึ้นในโลกออนไลน์ เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนมาช่วยกันตั้งคำถาม และค้นหาคำตอบไปด้วยกัน และนิทรรศการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์เพื่อเชิญชวนให้ผู้เข้าชมงานหันมามองมรดกที่อยู่รอบตัวเราในแง่มุมใหม่ และตระหนักถึงบทบาทในความเป็นเจ้าของมรดกเหล่านั้น เพื่อให้เกิดความรู้สึกหวงแหนและอยากรักษาให้คงอยู่ต่อไป นอกจากนั้นยังได้นำเทคโนโลยีทั้งในระบบ Automation และระบบ Interactive เข้ามาผนวกเข้ากับการจัดงานในหลายๆ ด้าน เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เข้าร่วมงาน อย่างนำเสนอบ้านจำลองในรูปแบบ Smart Home Smart Living เพื่อตอบสนองเทรนด์การใช้ชีวิตในยุคนี้ รวมถึงการเปิดเวทีใหม่อย่าง Inno-Talks ที่รวบรวมกูรูชั้นนำของประเทศมาถ่ายทอดเรื่องราวเทคโนโลยีเพื่องานสถาปัตยกรรมอีกหลายท่าน เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้
ซึ่งการร่วมงานกับ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด ในปีนี้ เราเชื่อมั่นว่า สถาปนิก'63 จะได้รับความสนใจจากนานาชาติมากขึ้น โดยคาดว่าตลอด 6 วัน จะมีผู้เข้าร่วมงานอยู่ที่ 450,000 คน"
ด้านประเด็นที่ผู้เข้าร่วมงานต่างเป็นกังวลเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส "โควิด-19" (โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019) นั้น นายศักดิ์ชัย เปิดเผยว่า ทางคณะผู้จัดงานทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันวางมาตรการป้องกันไว้อย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็น การบริการแอลกอฮอล์เจลล้างมือ การติดตั้งเครื่องสแกนอุณหภูมิ สำหรับคัดกรองอุณหภูมิร่างกาย และผู้ป่วยที่เข้าข่ายต้องคัดแยกเพื่อเฝ้าระวังติดตามอาการ พร้อมเตรียมห้องปฐมพยาบาลเพื่อคัดกรองผู้ป่วย โดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ รวมถึงการเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดบริเวณจัดงาน และรณรงค์ให้ผู้เข้าร่วมงานสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นถึงความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้จัดงานและเข้าร่วมชมงาน
หนึ่งปีมีครั้งเดียวกับงานแสดงสินค้าสถาปัตยกรรม วัสดุและเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 34 "สถาปนิก'63 มองเก่า ให้ใหม่: Refocus Heritage" กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28 เมษายน - 3 พฤษภาคม 2563 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี สามารถดูรายละเอียดการจัดงานเพิ่มเติมได้ที่ www.architectexpoasia.com หรือ www.facebook.com/ASAArchitectExposition