โดยระหว่างการประชุมได้ให้ความสำคัญกับการวางแผนรองรับหาตลาดให้กับกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ โดยสั่งการให้กรมการค้าภายใน ประสานกับพาณิชย์จังหวัดที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ หาผู้ประกอบการรับซื้อเพิ่มจากรายเดิม ให้กรมการค้าภายในประสานงานฝ่ายความมั่นคงและเพิ่มการตรวจตราการลักลอบนำเข้า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กรณีใบอนุญาตขนย้ายจะต้องมีการรายงานมาที่ส่วนกลางทุกระยะ ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหา กรณีผลไม้ในฤดูกาลนี้จะต้องเร่งทุกมาตรการโดยเฉพาะตลาดรองรับภายในประเทศ และอื่นๆ และไทยพาณิชย์ทุกจังหวัดรวบรวมผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเพื่อรองรับนโยบายการค้าชายแดน
นายจุรินทร์ ให้นโยบายโดยสรุปว่า 1) พาณิชย์จังหวัดเป็นหนึ่งในบุคลากรที่สำคัญของกระทรวง จึงให้ความสำคัญกับพาณิชย์จังหวัดเสมอ และถือเป็นเบอร์หนึ่งของการปกครองในส่วนภูมิภาคของกระทรวงพาณิชย์ นโยบายต่างๆของกระทรวงไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลย หากส่วนภูมิภาคไม่มีความเข้มแข็ง พาณิชย์จังหวัดจึงต้องมีความมั่นใจในตัวเอง และขอให้มั่นใจว่าฝ่ายนโยบายทุกคนเห็นว่าพาณิชย์จังหวัดมีศักดิ์ศรี และมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เฉพาะในระดับจังหวัด แต่รวมถึงระดับประเทศ ทุกท่านจึงเป็นกลไกสำคัญอย่างยิ่งในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ขอให้ทุกท่านต้องตระหนักถึงสิ่งนี้ ขอให้กล้าออกมายืนข้างหน้าเป็นทัพหน้าหรือแม่ทัพตัวจริงในต่างจังหวัด ในส่วนภูมิภาค และมีความสำคัญไม่แตกต่างกันกับทูตพาณิชย์
2) พาณิชย์จังหวัดต้องรอบรู้และเข้าใจถ่องแท้ถึงนโยบายและรัฐบาลและกระทรวง เนื่องจากท่านเป็นผู้ปฏิบัติตัวจริง ในการแปลงนโยบายกระทรวงให้เป็นผลปฏิบัติให้ได้ ความทุ่มเท ความเข้าใจในนโยบาย และความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์กับหน่วยงานอื่นๆในส่วนภูมิภาคจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานของท่านให้ประสบผลสำเร็จ 3) เน้นย้ำให้ท่านเพิ่มบทบาทการเป็น Facilitator เป็นผู้ให้บริการประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ เกษตรกรต้องการรู้ว่าจะขายยังไง ที่ไหน ไม่ใช่แค่วิธีการผลิต นี่คือหัวใจสำคัญ และเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการเห็น หากทำได้ พาณิชย์จังหวัดก็จะสามารถเติบโตก้าวหน้าในอนาคตได้ พาณิชย์จังหวัดต้องเป็นเซลส์แมนของจังหวัด เหมือนทูตพาณิชย์เป็นเซลส์แมนของประเทศ และ 4) นโยบาย คือ หากพาณิชย์จังหวัดมีผลงาน จะไม่ได้แค่เติบโตแค่ระดับจังหวัด แต่จะสามารถก้าวหน้าเป็นรองอธิบดีได้ ซึ่งได้หารือกับท่านรัฐมนตรีช่วยและท่านปลัดกระทรวงแล้ว