นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูปและบริการหลังการขายภายใต้ตราสินค้า 'ตราเพชร' เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2562 เป็นปีที่ DRT ทำรายได้และกำไรเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ กว่า35 ปี และมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่าภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 571.54 ล้านบาท เติบโต 35.16% เทียบกับปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 422.85 ล้านบาท และหากไม่นับรวมกำไรพิเศษจากการขายที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จำนวน 46.31 ล้านบาท และการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานเกษียณอายุจาก 300 วันเป็น 400 วัน อีกจำนวน 23.04 ล้านบาท บริษัทฯ ยังมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 29.66% เมื่อเทียบกับปี 2561 ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,825.36 ล้านบาท เติบโต 11.11% เมื่อเทียบกับรายได้รวมปี 2561 ที่ทำได้ 4,343.03 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้ DRT ทำสถิติสูงสุดทั้งรายได้และกำไรสุทธิ มาจากการวางกลยุทธ์การทำตลาดภายใต้แนวคิด 'สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง' มุ่งตอกย้ำจุดแข็งด้านความหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่นำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง รวมถึงกิจกรรมการตลาดสร้างการรับรู้ตราสินค้า 'ตราเพชร' สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า ตลอดจนช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแกร่ง โดยมีห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่เติบโตสูงสุด รองลงมาได้แก่ ลูกค้าโครงการ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อยและตลาดส่งออก
ผลการดำเนินงานที่เติบโตดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีหลัง 2562 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date)ในวันที่ 10 มีนาคม 2563 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ หากรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก2562 (มกราคม – มิถุนายน 2562) อัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น บริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นจากผลการดำเนินงานปี 2562 ในอัตรารวม 0.40 บาทต่อหุ้น ตอกย้ำ DRT เป็นหุ้นปันผลที่สร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
"ส่วนทิศทางปีนี้ ตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ในระดับ 25 – 27% โดยมุ่งเน้นผลักดันยอดขายจากทุกช่องทาง ทั้งตลาดในประเทศผ่านช่องทางห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อยและลูกค้าโครงการ รวมถึงตลาดส่งออกโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ที่คาดว่าจะยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีในปีนี้" นายสาธิต กล่าว