นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ กล่าวว่า "ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้รวม 1,433 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 124 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารจัดการการทำงานของเครื่องจักรโดยรวมตามแผนงานมีประสิทธิภาพ มากขึ้นและในไตรมาสนี้ผลผลิตของทุกโครงการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2562 ส่งผลให้ ผลการดำเนินงวดปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้รวม 3,624 ล้านบาทในงวดปี 2561 และมีกำไร สุทธิ 1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับขาดทุนสุทธิ 285 ล้านบาท ในงวดปี 2561 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากโครงการ ขุดขนดินและถ่านหินภายใต้ 3 โครงการหลัก คือโครงการ เหมืองแม่เมาะ 7 โครงการเหมืองแม่เมาะ 8 และโครงการเหมืองหงสา โดยโครงการเหมืองแม่เมาะ 7 ได้เข้าสู่ช่วงท้ายของโครงการ ซึ่งจะสิ้นสุดลง ในไตรมาส 1/2563 และตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 บริษัทฯจะมีรายได้เพิ่มจากโครงการเหมืองหงสา โดยรับรู้รายได้โครงการบริหารและซ่อมบำรุงระบบสายพานเพิ่มเข้ามาซึ่งมีมูลค่างานรวม2,265ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินงาน 7 ปี
สำหรับแนวโน้มธุรกิจปีนี้ บริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเนื่องจาก บริษัทฯมีปริมาณ งานในมือสูงถึงประมาณ 28,000 ล้านบาท และ บริษัทฯจะเริ่มมีรายได้จากธุรกิจใหม่การจำหน่าย ถ่านหินจากเหมืองถ่านหินเมืองก๊ก ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ที่บริษัทฯได้สัมปทาน ผ่านบริษัทร่วมทุน ขณะนี้บริษัท ร่วมทุนอยู่ในช่วงการดำเนินการ ขอใบอนุญาตการส่งออกถ่าน (Export licence) ซึ่งบริษัทร่วมทุนจะสามารถ ดำเนินการ ส่งออกถ่านเพื่อขายไปยังนอกประเทศ สาธารณรัฐ แห่งสหภาพ
เมียนมาร์ได้ โดยตั้งเป้าหมายในเบื้องต้นจำนวน 60,000 ตัน ในไตรมาส 4 ปี 2563 และ เพิ่มปริมาณเป็น 300,000 ตันในปี 2564 จะทำให้บริษัทฯมีโครงสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
อนึ่งปริมาณงานในมือของบริษัทฯ มูลค่า 28,000 ล้านบาท ที่จะรับรู้รายได้ถึง 8 ปีข้างหน้า ประกอบด้วย โครงการแม่เมาะ 8 มูลค่าประมาณ 16,318 ล้านบาท โครงการหงสา สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาวมูลค่าประมาณ 8,810 ล้านบาท และ งานโครงการบริหารและซ่อม บำรุงระบบสายพาน เพิ่มเข้ามาซึ่งมีมูลค่างานรวม 2,265 ล้านบาท โครงการแม่เมาะ 7 มูลค่าประมาณ 312 ล้านบาท
บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ เป็นผู้รับเหมางานเหมืองแร่ที่ใหญ่ ที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาค CLMV มีความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากรที่มีความรู้และความสามารถ เฉพาะด้าน มีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจเหมืองมากว่า 34 ปี และยังครองส่วนแบ่งการตลาด ประมาณ 50% พร้อมทั้งยังมีเครื่องจักรใหญ่ที่สามารถตอบสนองกับลักษณะงานเหมืองได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ