นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2562 มีกำไรสุทธิ 1,440.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 794.53 ล้านบาท หรือ 123.10% เทียบกับปี 2561 มีกำไรสุทธิ 645.46 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในส่วนของสุกร และราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้นของไก่และสุกร ตามความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 มีรายได้รวม 29,105.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 748.30 ล้านบาท หรือ 2.64% เทียบปี 2561 มีรายได้รวม 28,357.21 ล้านบาท
โดยในปี 2562 มีรายได้จากธุรกิจไก่ 16,443.34 ล้านบาท ธุรกิจสุกร 7,942.38 ล้านบาท และธุรกิจอาหารสัตว์ 4,334.84 ล้านบาท รวมถึงรายได้อื่น ๆ 384.95 ล้านบาท
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.055 บาท โดยจ่ายเป็นเงินสดจากผลประกอบการของปี2562 และกำไรสะสมรวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 308.41 ล้านบาท โดยจะกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้นในวันที่ 1 มีนาคม 2563 และจ่ายเป็นเงินสดในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563
"บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 2563 เติบโต 10 % สร้างสถิติสูงสุดใหม่ โดยได้รับอานิสงส์จากความต้องการของผู้บริโภคไก่และสุกร รวมถึงราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น จากซัพพลายที่น้อยลง และยังได้แรงสนับสนุนจากโรคระบาด ASF ในสุกรที่ประเทศจีน จะช่วยส่งผลให้บริษัทฯมีโอกาสส่งออกไก่ดิบไปยังประเทศจีนมากขึ้น โดยคาดว่าปริมาณส่งออกจีนเพิ่มเป็น 12,000 ตัน/ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5,000 ตัน/ปี"
ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์และอื่น ๆ นั้น บริษัทฯมีแผนจะจำหน่ายอาหารสัตว์ไปยังบริษัทนอกเครือ TFG มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีการผลิตใช้เองราว 70% และจำหน่ายให้กับบริษัทฯนอกเครือ 30% โดยปีหน้าตั้งเป้าธุรกิจดังกล่าวจะเติบโตราว 10%
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFG กล่าวอีกว่า บริษัทฯตั้งงบลงทุนในปี 2563 ไว้ที่ 2.5-3.0 พันล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานอาหารสัตว์ (Feed) ที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี, โรงชำแหละสุกร หรือโรงแปรรูปสุกร และขยายฟาร์มสุกร
ทั้งนี้ คาดว่าสัดส่วนรายได้ของ TFG ในปี 2563 จะมาจากธุรกิจไก่ 50%, ธุรกิจสุกร 30% และอีก 20% เป็นธุรกิจอาหารสัตว์และอื่นๆ โดยเป็นการส่งออกประมาณ 30% และการขายในประเทศ 70% โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าส่งออกไก่ดิบเพิ่มเป็น 60,000 ตันในปี 2563 จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 50,000 ตัน และไก่ปรุงสุกเพิ่มเป็น 12,000 ตัน จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,000 ตัน