บลจ.กสิกรไทย มองตลาดหุ้นผันผวนสูงจาก COVID-19 ส่วนระยะยาวมีมุมมองเป็นบวก

พฤหัส ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๐ ๑๗:๒๔
นางสาวธิดาศิริ

ศรีสมิต, CFA

Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน)

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ในขณะนี้ที่ไวรัสโควิด-19

ที่มีการแพร่ระบาดไปในหลายประเทศมากขึ้น อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอิตาลี

แม้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในจีนเริ่มลดลง

รวมถึงในหลายประเทศเริ่มมีการยกระดับมาตรการป้องกัน

ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยวของไทยซึ่งคิดเป็นประมาณ

13% ของ GDP จึงส่งผลให้ GDP ของไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลงมากกว่าที่ตลาดคาด

นางสาวธิดาศิริกล่าวต่อไปว่า

บลจ.กสิกรไทย ประเมินว่าหากสถานการณ์ดังกล่าวสามารถควบคุมได้ภายใน 2-3

เดือนข้างหน้า คาดว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563

จากมาตรการกระตุ้นการบริโภค และการท่องเที่ยวของภาครัฐที่จะทยอยประกาศออกมา

รวมทั้งเม็ดเงินลงทุนและการเบิกจ่ายงบประมาณจากภาครัฐ

ประกอบกับสภาพคล่องที่มีอยู่ในระดับสูงจากการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางทั่วโลก

ทำให้คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวขึ้นไปสูงกว่าระดับปัจุบันได้

โดยระดับดัชนีปัจจุบันสะท้อน Forward PE ที่ 15 เท่า และ Dividend Yield ที่ประมาณ 3.7% อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทย มีการปรับคาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี

2563 ลงเหลือ 4-6% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เป้าหมายดัชนีปลายปีมีการปรับประมาณการลดลงมาอยู่ในช่วง

1550-1600 จุด

“สำหรับผู้ลงทุนที่รับความผันผวนได้

และสามารถลงทุนได้ในระยะยาว จังหวะนี้ถือเป็นโอกาสทยอยเข้าลงทุนในกองทุนหุ้นไทย

เนื่องจาก บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะยาว โดยแนะนำ

กองทุนเปิดเค หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KEQRMF) ที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทใหญ่ชั้นนำที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของธุรกิจ

และมีกลยุทธ์แบบ Active ที่มุ่งสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าดัชนีชี้วัด

อีกทั้งยังได้รับการจัดอันดับ 4 ดาวจาก Morningstar (Overall rating ณ วันที่ 31 ม.ค.63) ทั้งนี้ กองทุน KEQRMF ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล

และเน้นไปที่การเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว

การถือหุ้นใหญ่พื้นฐานดีจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตลงทุนในระยะยาวได้ในทุกสภาวะตลาด

อย่างไรก็ตาม หากผู้ลงทุนยังต้องการลงทุนเพิ่มเติมแต่รับความเสี่ยงได้น้อย

แนะนำให้ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาวอย่างกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ พลัส (K-FIXEDPLUS)”

นางสาวธิดาศิริกล่าว

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน

KEQRMF และ K-FIXEDPLUS สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500

บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds หรือ ธนาคารกสิกรไทย หรือ

ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน

โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset

Contact Center 0 2673 3888

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version