ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยถึง ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดปี 2562 (สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2562) มีรายได้รวม 1,596.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.51% โดยมีรายได้จากการรักษาคนไข้ทั่วไปเติบโตขึ้น 11.55% ขณะที่รายได้จากการรักษาพยาบาลโครงการประกันสังคมลดลง 13.28% จากการบันทึกรายการผลกระทบคลาดเคลื่อนในการคำนวณค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ที่ปรับค่าตามวันนอนในอดีต ตามที่ได้รับแจ้งสำนักงานประกันสังคม ส่งผลให้บริษัทต้องปรับปรุงรายการได้รับค่าบริการทางการแพทย์กรณีผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (DRG) สุทธิสำหรับปี 2556 และ 2558 จำนวน 14.92 ล้านบาท และ 18.81 ล้านบาท ตามลำดับ รวมถึงรายได้ภาระเสี่ยงงวดปี 2561 จำนวน 8.46 ล้านบาท และการลดลงของรายได้อื่นจำนวนรวม 47.79 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากความแตกต่างของรายการผลกระทบจากกำไรจากรายการจำหน่ายทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะในปี 2561
ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 110.49 ล้านบาท ลดลง 46.46 ล้านบาท หรือลดลง 29.60% จากงวดปีก่อนที่มีกำไร 156.95 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจากผลกระทบในการบันทึกบัญชีรายการปรับลดค่าบริการทางการแพทย์ และความคลาดเคลื่อนในการคำนวณค่า ในอดีตตามที่ได้รับแจ้งจากสำนักงานประกันสังคม
อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น และสะท้อนความเชื่อมั่นการเติบโตของธุรกิจในอนาคตที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตรา 92.47% จากผลประกอบการกำไรสุทธิประจำปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.125 บาท โดยบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.075 บาท คงเหลือการจ่ายเงินปันผลอีกในอัตราหุ้นละ 0.050 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 30 เมษายน 2563 วันที่จ่ายปันผล 22 พฤษภาคม 2563
สำหรับแผนธุรกิจปี
2563 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต
25-30% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากประกันสังคมที่ได้รับเงินเหมาจ่ายและอื่น ๆ
เพิ่มขึ้นประมาณ 10% และจากผู้ป่วยเงินสดที่คาดว่าจะเติบโตได้กว่า
30% นอกจากนี้ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์
(Excellent Center) ได้เปิดให้บริการครบทั้ง 10 ศูนย์
คาดว่าจะมีผู้ป่วยทั่วไปเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สนับสนุนให้รายได้ในส่วนนี้จะเติบโตราว 20-30%
อีกทั้ง ยังมองโอกาสขยายสัดส่วนฐานคนไข้ต่างชาติ อาทิ
คนไข้ชาวอาหรับ กลุ่ม CLMV ซึ่งโรงพยาบาลได้รับผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้มาดูแลโดยเฉพาะ
จึงเชื่อว่าจะมีโอกาสเพิ่มคนไข้กลุ่มดังกล่าวได้ จากปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัดส่วนคนไข้ต่างชาติเพียงเล็กน้อย
รวมถึงปีนี้ บริษัทฯ จะปรับระบบการรักษาพยาบาลและการดูแลคนไข้ที่เป็นคนไทยให้เสมือนคนไข้ต่างชาติ
โดยจัดทำโครงการ “โรงพยาบาลคุณภาพ คู่คุณธรรม” ทำให้คุณภาพการรักษาพยาบาลและระบบการให้บริการทางการแพทย์ตามมาตรฐานสากล
โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้ยังคงเดิมแบ่งเป็น ผู้ป่วยประเภทเงินสด 60% และรายได้จากผู้ป่วยประกันสังคม 40%
อีกทั้ง LPH ยังอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุนก่อสร้างอาคารใหม่ จำนวน 3 อาคาร ในพื้นที่โรงพยาบาลลาดพร้าวเดิม โดยอาคารแรกจะเป็นอาคารจอดรถอัจฉริยะ 400 คัน อาคารที่ 2 เป็นโรงพยาบาลด้านตา และอาคารที่ 3 เป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านหัวใจ ปอด และไต ซึ่งขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมผู้เชี่ยวชาญเพื่อมาดูแลในส่วนนี้ คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 งบลงประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนแผนการลงทุนโรงพยาบาลลาดพร้าวลำลูกกา อาจจะชะลอการลงทุนไปก่อน เพื่อพิจารณาปัจจัยภายนอกรอบด้าน ทั้งความสามารถในการใช้บริการ ภาพรวมเศรษฐกิจ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง
ส่วนการเข้าลงทุนในโรงพยาบาลเอกชน 2 แห่งอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลตรวจสุขภาพ คือโรงพยาบาลเอเชีย บริษัทถือหุ้น 50% เปิดดำเนินการแล้ว โดยมีเป้าหมายรายได้ประมาณ 100 ล้านบาทในปี 2563 นี้และโรงพยาบาลเอเชีย อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาด 100 เตียง อยู่ในระหว่างก่อสร้างคาดว่าจะเปิดดำเนินการก่อน 60 เตียง ภายในปี 2563
สำหรับแผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
ของบริษัทในเครือ คือ บริษัท
ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (AMARC)
ยังคงเดินหน้าตามแผน โดยงบปี 2562 มีกำไรที่ดี และในปี 2563 ตั้งเป้ากำไรเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน
จากงานที่เราสามารถรับได้ และยังมีงานเกษตรอาหาร
ในส่วนมาตรฐานที่เราขออยู่อีกเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นในปีหน้าก็จะเป็นปีที่ทำให้รายได้ส่วนนี้เพิ่มขึ้น และในส่วนของภาครัฐมีการส่งงานมาให้บริษัทฯ ตรวจอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งผลดำเนินงานบริษัท AMARC ในปี 2562 มีรายได้
197.75 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21.02% มีผลกำไรสูงประมาณ
15% ของรายได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีพันธมิตรต่างชาติระดับโลกเข้ามาเจรจาขอเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ หากมีการตกลงข้อเสนอกันได้ จะเป็นผลดีทำให้ AMARC ขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว ก่อนเตรียมตัวขยายการลงทุน โดยมีแผนนำหุ้นเข้าตลาด mai ปลายปี 2563 และ AMARC วางเป้าหมายจะเป็น “Excellence Lab”