นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำกลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานสำหรับปี 2562 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562) มีรายได้จากการให้บริการ 712.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.9 ล้านบาท หรือ 12.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 631.4 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 240.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.4 ล้านบาท หรือ 20.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 200 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 85.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.4 ล้านบาท หรือ 17.% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 73.1 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการ การเพิ่มขึ้นของปริมาณงาน โดยเฉพาะงานที่มีกำไรขั้นต้นสูงขึ้น และจากการบริหารจัดการต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานที่ดีขึ้น
จากความสำเร็จในการบริหารงาน
ส่งผลให้ STI มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่
33.7% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.8% ซึ่งสูงกว่าอัตรากำไรในปี 2561 แม้จะมีการบันทึกสำรองผลประโยชน์ระยะยาวของพนักงานเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
(ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ทำให้กลุ่ม STI มีหนี้สินสำรองผลประโยชน์ระยะยาวของพนักงานเพิ่มขึ้นจำนวน
10 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายจ่ายครั้งเดียวและไม่ใช่รายการเงินสด
ซึ่งหากไม่รวมต้นทุนการให้บริการในส่วนนี้ กลุ่ม STI จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่
93.5 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 34.8%
อย่างไรก็ดี
รายได้จากการให้บริการปี 2562
เติบโตขึ้นตามเป้าหมายในครั้งนี้ มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างจำนวน
52.4 ล้านบาท เป็นการเพิ่มขึ้นของปริมาณงานที่ให้บริการในปี 2562 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า เช่น โครงการ One
Bangkok โครงการปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
โครงการอาคารชุดพักอาศัยหลายโครงการ โครงการอาคารสำนักงาน
และโครงการประเภทอาคารอเนกประสงค์ เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน
รายได้จากธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมมีจำนวนเพิ่มขึ้น 28.5 ล้านบาท
เนื่องจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นในปี 2562 เช่น งานโครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนตามการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
งานโครงการประเภทโรงงานและคลังสินค้าหลายแห่ง และโครงการประเภทอาคารอเนกประสงค์
เป็นต้น
“ภาพรวมปี 2562 เติบโตขึ้นตามเป้าหมาย จากงานในมือที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ความสามารถในการบริหารงาน การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และฐานะทางการเงินที่แข็งแรง โดยบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงอย่างมาก จากการจ่ายชำระเงินกู้ระยะยาวทั้งหมดไปในปีก่อนหน้าและได้ชำระหนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงินเกือบทั้งหมดในปี 2562 เป็นผลให้กลุ่ม STI ไม่มีเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน และมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างน่าประทับใจ ส่วนรายได้ของกลุ่ม STI มาจากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างสัดส่วน 84.7% ของรายได้จากการให้บริการรวม ส่วนรายได้จากธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม มีสัดส่วนรายได้ 15.3% จากความสำเร็จในการขยายงานโครงการได้มากขึ้น โดยเฉพาะงานโครงการขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง รวมไปถึง การเข้าสู่งานภาครัฐรับบิ๊กโปรเจกต์ที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งในปีที่ผ่านมา และในปี 2563 นี้” นายสมเกียรติ กล่าว
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ
อนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสดจากกำไรสุทธิงวดปี 2562 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่าย 67 ล้านบาท
และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 91% ของกำไรสุทธิหลังจัดสรรสำรองตามกฎหมายประจำปี
2562 ในงบการเงินเฉพาะกิจการ กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล
(XD) 7 พฤษภาคม 2563
กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) 8 พฤษภาคม 2563 และวันที่จ่ายปันผล 27 พฤษภาคม 2563 เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่น และตอบแทนผู้ถือหุ้นที่สนับสนุนบริษัทด้วยดีเสมอมา
อย่างไรก็ตามสิทธิในการรับเงินปันผลอยู่ในระหว่างการนำเสนอขออนุมัติจากการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น
พร้อมกันนี้
มีมติจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ เวนเจอร์
จำกัด มีทุนจดทะเบียน 1
ล้านบาท วัตถุประสงค์เพื่อขยายโอกาสในการเติบโต
การลงทุนในกิจการอื่น รวมถึงโอกาสในการประกอบธุรกิจที่ปรึกษา หรือธุรกิจอื่น
นับเป็นการต่อยอดจากธุรกิจหลักที่มีความแข็งแกร่ง สร้างฐานการเติบโตในระยะยาว
สำหรับ ภาพรวมธุรกิจปี
2563 ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้
(Backlog) กว่า 2,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ราว
35-40 % แบ่งเป็นสัดส่วนงานในมือจากภาคเอกชน 76% และงานภาครัฐ 24% ล่าสุด ได้รับความไว้วางใจให้ควบคุมการก่อสร้างโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยาย
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โซน C จำนวน
1 โครงการ โดยเซ็นสัญญาไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ประกอบกับ การบริหารโครงการในมือที่หลากหลาย
และยังคงเดินหน้าตามแผน อาทิ โครงการ One Bangkok โครงการ The PARQ โครงการปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
โครงการพัฒนาพื้นที่หมอน 33 หรือบล็อก 33 และงานโครงการประเภทโรงงานและคลังสินค้าหลายแห่ง
เป็นต้น
ทั้งนี้ มองว่า STI ยังได้รับผลบวกจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ.2563 (พ.ร.บ.งบประมาณปี 63) วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ได้รับโปรดเกล้าฯ
และมีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 กระตุ้นโครงการลงทุนขนาดใหญ่
กระตุ้นเศรษฐกิจ และงานภาคเอกชนที่จะขยายตัว ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมคึกคัก เพิ่มโอกาสในการรับงานมากขึ้น