ด้าน “นิติพัทญ์ ยงค์สงวนชัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุบอร์ดมีมติจ่ายปันผลในอัตรา 14 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมเป็นอัตราหุ้นละ 0.03571 บาท ผถห. รับทรัพย์ 19 พ.ค. 63 นี้ ขณะที่ “ณัชชา ยงค์สงวนชัย” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผย บ.ย่อย “ มิตรสิบ เสกเงิน” เพิ่มสาขาเป็น 12 สาขาในต้นปี63 จากสิ้นปี62 มีสาขาทั้งสิ้น 5 สาขา หวังเดินตามแผนขยายสาขาครอบคลุม
นายนิติพัทญ์ ยงค์สงวนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตรสิบ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) MITSIB ผู้ให้บริการจำหน่ายรถแท็กซี่ใหม่ รถแท็กซี่มือสอง รวมถึงบริการสินเชื่อเพื่อรถแท็กซี่และรถขนส่งสาธารณะ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 66.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 56.77 ล้านบาท และรายได้รวมอยู่ที่ 469.49 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 495.13 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรปรับตัวขึ้น เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการภายในที่ดีโดยค่าใช้จ่ายในปี 2562 อยู่ที่ 390 ล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน รวมถึงต้นทุนทางการเงินลดลง 13.3% เนื่องจากมีการจ่ายชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินก่อนกำหนด
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายจ่ายปันผลเป็นหุ้นปันผลและเงินสด สำหรับงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค.- 31 ธ.ค. 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท โดยจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัท จำนวน 47,642,858 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 14 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 23,821,434 บาท คิดเป็นการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.30571 บาท ทั้งนี้ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 7พฤษภาคม 2563 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2563
นายนิติพัทญ์ กล่าวเพิ่มว่า ภายหลังบริษัทเข้าทำการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมา บริษัทมีความุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ และตลอดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา บริษัท มิตรสิบ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำการดำเนินธุรกิจให้บริการเช่าชื้อรถแท็กซี่ใหม่ รถแท็กซี่มือสอง และด้วยบริษัทฯ ได้ให้การบริการสินเชื่อมานานกว่า ทำให้มีความน่าเชื่อถือที่ดีต่อลูกค้า ส่งผลให้ผลการดำเนินการผ่านมาบริษัทมีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ
หลังจากบริษัทเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ยิ่งเป็นแรงสนับสนุนให้บริษัทเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ภายใต้การดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล และตระหนักถึงผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ เพื่อรองรับความต้องการและการเติบโตของอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยสร้างอัตราการเติบโตของบริษัทฯ ให้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง
นายณัชชา ยงค์สงวนชัย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยถึงความคืบหน้าของ บริษัทย่อย คือ บริษัท มิตรสิบ เสกเงิน จำกัด โดยช่วงต้นปี 2563 ได้เพิ่มจำนวนสาขาอีก 7 สาขา จากสิ้นปี 62 มี 5 สาขา ส่งผลให้ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 12 สาขา โดยแบ่งเป็นสาขาในจังหวัดสมุทรปราการดังนี้ 1. สาขาสำนักงานใหญ่ ต.สำโรงเหนือ 2. สาขาเคหะบางพลีโครงการ3-บางเสาธง 3. สาขาตลาดโต้รุ่งศรีสุข-บางพลี 4. สาขาวัดศรีวารีน้อย-บางโฉลง 5. สาขาพระสมุทรเจดีย์ และ 6. สาขาเทศบาลบางปู ซอย 48 ต.ท้ายบ้าน
สาขาในจังหวัดกรุงเทพฯ ดังนี้ 1. สาขาสุขสวัสดิ์-ราษฎร์บูรณะ 2. สาขารามอินทรา-บางเขน 3. สาขาเอกชัย-บางบอน 4. สาขาท่าเกษตร-บางแค ซึ่งยังมีสาขาในจังหวัดนครปฐม คือ สาขาอ้อมใหญ่ ถนนเพชรเกษม อ.สามพราน จ. นครปฐม และสาขาที่จังหวัดนนทบุรี คือ สาขาซอยวัดลาดปลาดุก อ.บางใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานของ บจ. มิตรสิบ เสกเงิน ที่จะเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมองทำเลในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดที่มีเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น และโคราช เป็นต้น
ทั้งนี้ บจ. มิตรสิบ เสกเงิน มีแผนการดำเนินธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ โดยแบ่งเป็นสินเชื่อที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ซึ่งบริษัทจะใช้กลยุทธ์ในด้านการบริการที่เป็นเลิศ โดยเน้นเรื่องประสิทธิภาพรวดเร็ว และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้า รวมถึงมีบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญด้านอำนวยสินเชื่อและมีจริยธรรม
เกี่ยวกับ มิตรสิบ ลิสซิ่ง
บริษัท มิตรสิบ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายและให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ มุ่งเน้นรถยนต์รับส่งสาธารณะประเภทแท็กซี่และให้บริการเสริมต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า และได้ขยายบริการไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจให้บริการเช่าซื้อใหม่ (รีไฟแนนซ์) เป็นต้น
สำหรับธุรกิจหลักของบริษัท คือ การจำหน่ายและให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ โดยเน้นการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถแท็กซี่เป็นหลัก
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทมีทุนจดทะเบียน เท่ากับ 333,500,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 667,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 50 สตางค์ โดยมีทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 333,500,000 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าชมที่ http://www.mitsibleasing.com