นายสำเริง ไชยเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ถวายพระราชสมัญญา แด่พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระบิดาแห่งมาตรฐานการช่างไทย และกำหนดวันที่ 2 มีนาคม เป็นวันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ โดยยึดถือตามวันที่พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสในพิธีเปิดงานแนะแนวอาชีพและแข่งขันฝีมือช่างของสโมสรโรตารี กรุงเทพฯใต้ ณ ลุมพินีสถาน เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2513 ว่า“ช่างทุกประเภท เป็นกลไกสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตของบ้านเมืองและของคนทุกคน เพราะตลอดชีวิตของเรา เราต้องอาศัยและใช้บริการหรือสิ่งต่างๆ ที่มาจากฝีมือของช่างอยู่ทุกวี่ทุกวัน ผู้เป็นช่างจึงสมควรได้รับการเอาใจใส่สนับสนุนจากทุกๆฝ่าย ยิ่งในสมัยปัจจุบันวิทยาการทุกอย่างเจริญก้าวหน้ายิ่งจำเป็นต้องส่งเสริมมากเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้ช่างที่มีความสามารถสูง ให้มีสิ่งใช้สอยที่มีคุณภาพดี และเพียงพอกับความต้องการในการส่งเสริมนั้น มีปัญหาอันควรจะได้พิจารณาช่วยเหลืออยู่ 3 ประการ ประการแรก ได้แก่ปัญหาเรื่องการให้ความรู้ทางหลักวิทยาการและความรู้ทางการออกแบบ ประการสอง ได้แก่ปัญหาเรื่องฝีมือ ซึ่งจะต้องปรับปรุงให้ความประณีตและประสิทธิภาพได้มาตรฐานจริงๆ และประการที่สามปัญหาเรื่องการจัดหางานและหาตลาด เพื่อช่วยให้ช่างมีงานทำ มีตลาดที่จะส่งสินค้าที่ผลิตไปจำหน่าย การช่วยเหลือทั้งสามประการนี้ จะต้องทำให้สอดคล้องกันไป เพื่อให้ช่างมีรายได้และผลกำไร สำหรับนำออกมาเป็นทุนรอนสร้างฐานะและความก้าวหน้า ข้าพเจ้าขอฝากความคิดทั้งนี้ไว้ เป็นแนวทางปฏิบัติของท่านทั้งหลายต่อไป”
ในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ รวมทั้งทรงให้ความสำคัญในการพัฒนาฝีมือแรงงานของช่างไทย ให้มีความเป็นมาตรฐาน ในวันที่ 2 มีนาคม ซึ่งเป็นวันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ จึงได้นำส่วนราชการ คณะกรรมการเหล่ากาชาดฯ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน องค์นายจ้าง ลูกจ้าง ประชาชน จัดพิธีถวายราชสดุดีและจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบิดาแห่งมาตรฐานการช่างไทย อย่างหาที่สุดมิได้ดังกล่าว