รายงาน “การสำรวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ.2561 (ไตรมาส 4)” จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จาก 9.6% ในปี 2558 เป็น 24.3% ในปี 2561 โดย 88.9% ของผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ยังใช้เวลาบนอินเทอร์เน็ต 5-7 วันต่อสัปดาห์ อีกทั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ ETDA ยังพบว่าผู้ที่มีอายุในช่วง 54 – 72 ปี ใช้เวลาบนอินเทอร์เน็ตนานราววันละ 8 ชั่วโมง 20 นาที ดังนั้น การสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ต จึงเป็นเรื่องที่ Sea (ประเทศไทย) เล็งเห็นความสำคัญ เนื่องจากในปี 2564 สังคมไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็น “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” (Complete Aged Society) ซึ่งมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวนมากถึง 13 ล้านคน หรือ 20% ของประชากรทั้งหมด
นางสาวมณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) เผยถึงที่มาของกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “คอมมูนิตี้บนโลกดิจิทัลที่มีคุณภาพและปลอดภัย เป็นหนึ่งในภารกิจที่ Sea (ประเทศไทย) ต้องการสร้างให้เกิดขึ้นจริง โดยนอกจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์ม ทั้งประเภทดิจิทัลเอ็นเทอร์เทนเมนต์ (Garena) อีคอมเมิร์ซ (Shopee) และบริการการเงินดิจิทัล (AirPay) ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ชีวิตของผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายย่อยมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีแล้ว เรายังมุ่งผลักดันการพัฒนาทักษะ ความรู้ความเข้าใจ ในการใช้งานและอยู่รวมกับเทคโนโลยี เพื่อเสริมศักยภาพผู้บริโภคให้สามารถเก็บเกี่ยวโอกาสที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี เช่น โอกาสจากอาชีพที่เกิดขึ้นใหม่ โอกาสในการสร้างรายได้สำหรับผู้ที่ออกจากตลาดแรงงานไปแล้ว โอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากหลากหลายแหล่ง หรือโอกาสในการติดต่อสื่อสารแบบเรียลไทม์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด”
นายธนากร พรหมยศ ผู้ร่วมก่อตั้ง 'ยังแฮปปี้' (YoungHappy) กล่าวเสริมว่า “ในฐานะที่ยังแฮปปี้ (YoungHappy) ได้คลุกคลีอยู่ในสังคมผู้สูงอายุมาเป็นเวลานาน เราสังเกตเห็นว่าปัจจุบันกลุ่มผู้สูงวัยได้รับผลกระทบจากข่าวเท็จ ข่าวสารที่มีการบิดเบือน หรือข่าวสารที่จงใจสร้างให้เกิดความเข้าใจผิด มากพอสมควร และเนื่องจากเทคโนโลยีและสื่อออนไลน์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนวัยเก๋าเหล่านี้ ช้ากว่าผู้คนในวัยอื่นๆ เรามองว่าการให้ความรู้ความเข้าใจกับพวกเขาเป็นเรื่องจำเป็น เพราะรูปแบบพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ มักจะแชร์ข้อมูลข่าวสารเป็นจำนวนมากไปสู่แวดวงคนรู้จักหลายๆ กลุ่ม โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวัยของพวกเขา เช่น เรื่องสุขภาพและการเงิน นอกจากนี้ สิ่งเราอยากให้ทุกคนได้กลับไปในวันนี้ ไม่ใช่แค่การรู้ทันข่าวสาร แต่เราอยากให้ทุกคนสามารถป้องกันภัยเสี่ยงอื่นๆ บนโลกออนไลน์ได้อีกด้วย เช่น การรักษาข้อมูลส่วนบุคคลและการรู้เท่าทันกลโกงรูปแบบต่างๆ ของมิจฉาชีพไซเบอร์”
เวิร์คช้อป 'Sea (Thailand) x YoungHappy’ ชวนสูงวัยรู้ทันภัยจากโซเชียล ยังมีไฮไลท์เป็นแขกรับเชิญที่เชี่ยวชาญในด้านการตรวจสอบข่าวสารอย่าง นายพีรพล อนุตรโสตถิ์ หัวหน้าศูนย์ “ชัวร์ก่อนแชร์” ซึ่งได้ให้ข้อคิดและแนวทางการรู้ทันข่าวเท็จง่ายๆ ว่า “ผู้ใหญ่ในครอบครัวนี่แหละ ที่เป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือที่สุด ดังนั้นจึงยิ่งต้องตระหนักว่าในปัจจุบัน ผู้คนสามารถผลิตซ้ำข้อมูลได้ไม่จำกัด ทั้งยังสามารถกระจายผ่านสื่อออนไลน์ไปได้ทั่วโลก นับว่าอำนาจการผลิตสื่ออยู่ในมือของผู้บริโภคมากยิ่งกว่าสำนักข่าวในอดีตเสียอีก
เราหรือผู้อื่นอาจเดือดร้อนจากข้อมูลที่เราแชร์ก็เป็นได้ เพราะข้อมูลที่ถูกส่งต่อไปอาจไม่ใช่ความจริง นอกจากตรวจสอบว่ามีแหล่งที่มาแล้ว ต้องตรวจสอบด้วยว่าแหล่งข้อมูลนั้นน่าเชื่อถือจริง และข้อมูลดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยแหล่งข้อมูลจริงๆ โดยไม่ใช่การนำชื่อไปแอบอ้าง นอกจากนี้ ข้อมูลที่ถูกส่งต่อกันมาเป็นทอดๆ ยังเปรียบเสมือนการเล่น 'เกมกระซิบ’ ซึ่งในแต่ละครั้งที่ข้อมูลถูกแชร์ออกไป ข้อมูลก็จะถูกบิดเบือนไปเรื่อยๆ ทีละเล็กละน้อย ดังนั้น หลักการง่ายๆ ในการรู้ทันข่าวสารคือ 'ตั้งคำถามว่า จริงหรือ?’ ถ้าหากใคร่ครวญแล้วหาคำตอบไม่ได้ ก็ให้ 'ยอมรับว่าไม่รู้’ และ 'ไม่แชร์’ เพื่อหยุดการผลิตซ้ำเนื้อหาที่ไม่เป็นประโยชน์หรือเนื้อหาที่อาจก่อให้เกิดผลเสียนั่นเอง”
นอกจากนี้ ยังมีการยกตัวอย่างภัยไซเบอร์ที่ผู้เข้าร่วมเวิร์คช็อปหลายๆ มีประสบการณ์ร่วม เพื่อเป็นกรณีศึกษา อย่างเช่น การโฆษณาสินค้าเพื่อสุขภาพบนโซเชียลมีเดีย โดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญมารับรองความปลอดภัย ทั้งยังอาจนำรูปภาพบุคคลลอื่นมาแอบอ้างว่าเป็นผู้ใช้สินค้า การล่อลวงให้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ไม่มีอยู่จริงเพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงคลิปดังอีกมากมายที่ถูกนำไปกระจายบนโลกออนไลน์พร้อมข้อความชี้นำที่ไม่ตรงความจริง และนำมาซึ่งความเข้าใจผิดวงกว้างในสังคมของเรา
“สิ่งที่ทุกคน โดยเฉพาะพี่ๆ วัยเก๋า ควรต้องมีเพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง คือ “4 Literacy” ได้แก่ 1. Digital literacy เช่น ตระหนักไว้เสมอว่าใครก็สามารถสร้างข้อมูลได้ และมีความเป็นไปได้เสมอว่าอาจเป็นข่าวสารที่ไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ยังต้องเข้าใจธรรมชาติของแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อที่จะระบุความผิดปกติได้ 2. Health Literacy ความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นในการดูแลสุขภาพ และควรต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทุกครั้งก่อนตัดสินใจปฏิบัติตามเนื้อหาในอินเทอร์เน็ต 3. Media Literacy เช่น การตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าวอย่างมีประสิทธิภาพ 4. Financial Literacy ต้องเข้าใจธรรมชาติของการลงทุนว่าไม่มี 'Low Risk, High Return’ และเข้าใจระบบการทำธุรกรรมทางการเงินในเบื้องต้น เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงได้โดยง่าย” คุณพีรพล กล่าวปิดท้าย
สำหรับกิจกรรมเวิร์คช้อป 'Sea (Thailand) x YoungHappy’ ชวนสูงวัยรู้ทันภัยจากโซเชียล ในครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง Sea (ประเทศไทย) และ 'ยังแฮปปี้’ (YoungHappy) ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี และมีผู้สูงวัยเข้าร่วมกิจกรรมมากถึง 60 คน
เกี่ยวกับ Sea (ประเทศไทย)
Sea เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เนตแพลตฟอร์มชั้นนำระดับโลก ซึ่งดำเนินธุรกิจทั้งในด้านดิจิทัลเอนเตอร์เทนเมนท์ (Digital Entertainment) อีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) และ บริการด้านการเงินแบบดิจิทัล (Digital Financial Services) โดยกลุ่มบริษัทในเครือ Sea (ประเทศไทย) ประกอบด้วย บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) และบริษัท แอร์เพย์ (ประเทศไทย) โดยพันธกิจของ Sea คือการทำให้ชีวิตของผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายย่อยมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี นอกจากนี้ Sea ยังเป็นบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนในตลาดทุน NYSE โดยใช้สัญลักษณ์ SE สำหรับข่าวสารเกี่ยวกับ Sea (ประเทศไทย)
สามารถติดตามข่าวสาร Sea (ประเทศไทย) ได้ที่ https://www.seathailand.com/
เกี่ยวกับ YoungHappy (ยังแฮปปี้)
YoungHappy เป็นธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และพึ่งพาตัวเองได้" ผ่านกิจกรรม แอพพลิเคชั่น และโซเชียลมีเดีย ให้ความรู้ สาระ และบริการที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้สูงอายุ อีกทั้งยังมีระบบ Call Center เปรียบเสมือนลูกหลานคนที่สองที่คอยช่วยเหลือผู้สูงอายุในการดำเนินชีวิตประจำวัน ปัจจุบัน ยังแฮปปี้เป็น Creative Organizer ที่จัดกิจกรรมให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน และยังได้ชนะโครงการ Youth Co:Lab โดย UNDP เป็นตัวแทนประเทศไทย ไปแข่งในระดับภูมิภาคอีกด้วย