นางนิธินันท์ อัศวทร Thailand Country Head บริษัท เอ็มเซเว่นทีน เซอร์วิสเซส ไทยแลนด์ กล่าวว่า “หลังจากได้เปิดตัวเครื่องมือทางการขายและการตลาดรูปแบบใหม่ ให้บริการด้วยระบบแพลตฟอร์มอัจฉริยะภายใต้ชื่อ “Hands UP” (แฮนด์ อัพ) ที่มีทั้งระบบจัดการออเดอร์ และระบบจัดการข้อมูลหลังบ้านที่ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ต้องความถูกต้องและสะดวกสบายในการจัดการเรื่องคำสั่งซื้อ, การจัดการ สต๊อก, การชำระเงินและจัดส่งสินค้า ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากหลังจากเปิดตัวไป ได้รับความสนใจจากลุ่มธุรกิจรายใหญ่และกลุ่มธุรกิจรายย่อยหรือ SME เข้ามาร่วมใช้งานแพลตฟอร์มนี้อย่างคับคั่ง เพราะด้วยเทรนด์การซื้อขายสินค้าผ่านช่องอีคอมเมิร์ซที่ถือว่ากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ด้วยความสะดวกสบายในการสั่งซื้อและชำระเงินที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน ที่คนไม่อยากเดินทางไปซื้อสินค้าหน้าร้านด้วยสภาพการจราจรที่ติดขัด รวมไปถึงสภาวะมลพิษทางอากาศจากฝุ่นจิ๋ว PM2.5 และเชื้อไวรัสโควิด19 ที่เกิดขึ้นอีกด้วย”
และด้วยโมเดลธุรกิจที่ต้องการเป็นวันสต๊อปเซอร์วิสสำหรับธุรกิจไลฟ์คอมเมิร์ซอย่างแท้จริง บริษัท เอ็มเซเว่นทีน เซอร์วิสเซส ไทยแลนด์ จึงได้เปิดตัวบริการใหม่ล่าสุด “Nak-Live” (นักไลฟ์) โดย นายอรรถพล สินฉลอง Marketing & Business Development Director บริษัท เอ็มเซเว่นทีน เซอร์วิสเซส ไทยแลนด์ กล่าวว่า “ด้วยโมเดลธุรกิจของบริษัทที่มีความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ ที่มุ่งเน้นการขายแพลตฟอร์มหรือระบบเพียงอย่างเดียว แต่จากการสำรวจพฤติกรรมของตลาดไลฟ์คอมเมิร์ซในเชิงลึกนั้นทำให้พบว่านอกจากความต้องการเรื่องระบบหลังบ้านแล้วมากกว่า 90% ของร้านค้าออนไลน์นั้นมีความต้องการเรื่องทรัพยากรของ นักไลฟ์สดขายของที่มีคุณภาพและมีความสามารถในการปิดการขายได้เป็นอย่างมาก สถานการณ์ของร้านค้าปัจจุบันมักจะเป็นเจ้าของกิจการที่ทำการไลฟ์สดเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ในขณะที่ต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน หรือประเทศไต้หวัน KOL (Key Opinion Leader) ในกลุ่มที่เป็นนักขายสามารถกล่าวได้ว่าเป็นที่นิยมสำหรับบริษัท และร้านค้ารวมทั้งดิจิตอลเอเจนซี่ เพราะสามารถวัดผลการทำงาน หรือ ROI (Return on Investment) ได้อย่างแท้จริงจากยอดขาย อาทิ หลี่เจียฉี เจ้าของฉายา “ลิปสติกคิงส์” ซึ่งนอกจากจะเป็น KOL (Key Opinion Leader) ที่มีผู้ติดตามสูงแล้ว ยังมีความสามารถในการปิดการขายสินค้าได้ โดยสามารถสร้างยอดขายลิปสติกผ่านไลฟ์สดได้ถึง 15,000 แท่งภายในเวลา 5 นาที”
สำหรับ “NAK-live” (นักไลฟ์) ได้วางตัวเองเป็นเครื่องมือทางการตลาด (Marketing Tool) ที่สนับสนุนการทำดิจิตอล มาร์เกตติ้งส์และแบรนด์ดิ้งส์ในรูปแบบ Influencer Marketing (อินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง) ผ่านโซเชียลมีเดียสำหรับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่หรือร้านค้าที่ต้องสร้างภาพลักษณ์และเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าผ่านช่องทางใหม่ หรือเป็นเครื่องมือทางการตลาดสำหรับดิจิตอล เอเจนซี่ในการนำเสนอช่องทางประชาสัมพันธ์และสามารถวัดผลด้าน ROI (Return on Investment) ได้อย่างแท้จริงจากยอดขายในขณะไลฟ์สด โดย “NAK-live” (นักไลฟ์) ได้ดำเนินการติดต่อหา KOL ที่มีชื่อเสียงเพื่อให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม “NAK-live (นักไลฟ์) และได้มีการคัดเลือกจากจากผู้ที่มียอดฟอลโลเวอร์ในโซเชียลมีเดียตั้งแต่หลักพันคนขึ้นไปจนถึงหลักแสนคน รวมทั้งการเปิดรับสมัครโดยตรงผ่านเว็บไซต์ https://www.naklive.net/ รวมทั้งทำการฝึกอบรมการเป็นนักไลฟ์ขายสินค้าผ่านช่องทางไลฟ์สด ซึ่งได้ทำการรวบรวมเทคนิคและวิธีการเรียกยอดผู้ชม พร้อมมีงานป้อนให้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเฟสแรกหลังจากทำการรับสมัครนักไลฟ์ผ่านช่องทางเว็บไซต์ “NAK-Live” (นักไลฟ์) โดยในช่วงระยะเวลา 1 เดือนที่เปิดรับ มีผู้สมัครกว่า 500 คน และได้ทำการเปิดการฝึกอบรมนักไลฟ์รุ่นแรกไปแล้วจำนวน 20 คน โดยได้รับเกียรติจาก คุณศักดิ์ชัย อู่วานิชย์ เจ้าของและผู้ก่อตั้ง Hotdeal Thailand, ผู้นำด้านการไลฟ์สดขายของมาเป็นวิทยากร และยังเตรียมเปิดเพิ่มการอบรมอีกตลอดทั้งปีนี้ เพื่อให้จำนวนนักไลฟ์ของบริษัทมีเพียงต่อความต้องการของลูกค้าในทุกรูปแบบ ในอนาคตคาดว่า “NAK-live” (นักไลฟ์) จะมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1,500 คน และจะสามารถผลิตนักไลฟ์ที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการปิดการขายสินค้าได้ในสังกัดได้ไม่ต่ำกว่า 100 คนตลอดทั้งปีนี้ รวมถึงการให้บริการรับจ้างไลฟ์สดหรือไลฟ์สตรีมมิ่งเซอร์วิสสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ไม่มีความพร้อมในเรื่องของอุปกรณ์ในการไลฟ์สดอีกด้วย สำหรับบริษัทหรือร้านค้า รวมทั้งดิจิตอลเอเจนซี่ที่มีความต้องการใช้บริการนักไลฟ์สามารถติดต่อขอรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ https://www.naklive.net/ หรือที่เฟสบุ๊คแฟนเพจ “Naklive”
“ด้วยเทรนด์ของไลฟ์คอมเมิร์ซที่มีการเติบโตค่อนข้างสูง รวมทั้งกลุ่มผู้ค้าต่างต้องการหาช่องทางและวิธีการใหม่ๆ ที่จะช่วยให้สามารถเพิ่มยอดขายสินค้าได้ รวมทั้งสภาวะอากาศและโรคระบาดที่เกิดขึ้นซึ่งทำให้การขายสินค้าผ่านช่องทางไลฟ์สดจะเป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายสำหรับบริษัทและร้านค้า จึงคาดการว่า “NAK-live” (นักไลฟ์) จะสามารถสร้างส่วนแบ่งในตลาด Influencer Marketing (อินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง) ได้ที่ 20% ในปีนี้” นายอรรถพล กล่าว