คุณสงวนศรี สุทธิพงษ์ชัย กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินงานโครงการทุนการศึกษา 18 ปีที่ผ่านมาว่า แบ่งได้เป็น 4 ระยะ ในระยะแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 – 2553 นั้น คือการรับนักเรียนทุนในมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยเน้นทั้งการให้ทุนการศึกษา และการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ความรู้รอบตัว และทักษะชีวิตแก่นักเรียนทุน หลังจากนั้นในช่วงปี พ.ศ. 2554 – 2557 คือระยะที่ 2 เนื่องจากทางโครงการฯ ได้เล็งเห็นถึงปัญหาในการศึกษาต่อ ซึ่งนักเรียนทุนหลายคนเลือกที่จะเรียนตามค่านิยมในระดับอุดมศึกษา มากกว่าการเรียนในสิ่งที่ตนเองชอบ และสามารถประกอบอาชีพได้ ทางโครงการฯ จึงเริ่มมีการวิเคราะห์เชิงลึกในระบบการศึกษาไทย รวมถึงการเบี่ยงเบนความคิดของนักเรียนทุน นำมาสู่การปรับนโยบาย และวางกลยุทธ์ใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่ในช่วงที่สำคัญที่สุด คือช่วงมัธยมศึกษาตอนต้น เพื่อให้นักเรียนทุนได้ค้นหาตัวเอง หาเป้าหมายในชีวิต รู้จักคิดเป็น โดยสอดแทรกผ่านกิจกรรมในค่ายนักเรียนทุน เด็ก ๆ จะเรียนรู้จริยธรรม ทัศนศึกษา ร่วมกิจกรรมสันทนาการ ไปเที่ยวพร้อมได้ศึกษาดูงาน จากนั้นเริ่มพัฒนาให้มีองค์ความรู้มากขึ้น ให้เด็กมีพัฒนาการ เปิดโอกาสให้นักเรียนทุนได้อภิปราย ให้โจทย์ที่เป็นมุมมองระดับประเทศ ต่อมาก็เริ่มให้เด็กตั้งโจทย์เอง ได้เห็นพัฒนาการของเด็กผ่านการแนะแนว และการแสดงความคิดเห็น ในระยะที่ 3 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 - 2562 นั้น ทางโครงการได้เพิ่มบทบาทตัวเอง เน้นการเป็น Knowledge Transfer เพื่อเชื่อมต่อบุคลากรที่จะถ่ายทอดความรู้ ทั้งทางการศึกษา, ด้านทักษะชีวิต คือ ความคิดสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ การแก้ปัญหา, ด้านความเป็นมนุษย์, ความรู้เท่าทันตลาดแรงงาน และการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ณ ปัจจุบัน โครงการทุนการศึกษาฯ มีนักเรียนทุน 762 คนในความดูแล และมีการติดตามผล รวมทั้งสร้างกิจกรรมที่สร้างคุณค่าให้กับเยาวชน ได้คิด และแสดงออกถึงศักยภาพของตัวเอง ทางโครงการยังได้ขยายผลร่วมกับทางมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อถอดบทเรียน และวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับเยาวชนที่เป็นผลผลิตของโครงการ เพื่อนำไปต่อยอดในการเพิ่มศักยภาพให้กับเด็ก ทั้งนักเรียนทุนและเด็กไทยในอนาคต
ในมุมมองของสื่อมวลชน คุณประสาน อิงคนันท์ ผู้บริหารผู้ผลิตรายการสร้างสรรค์สังคม บุญมีฤทธิ์มีเดีย ได้ชื่นชมและให้ความเห็นว่า “โครงการทุนการศึกษามีความพยายามในการหลอมเด็กทั้งด้านการศึกษาและคุณธรรม รวมถึงพยายามปรับวิธีการให้ทุนให้เท่าทันกับโลกตลอดเวลา รวมทั้งการย้ำให้เยาวชนได้รู้จักตัวเองและท้องถิ่น เพื่อกลับไปพัฒนาบ้านเกิด เพราะอนาคต การกลับไปใช้ความรู้และพัฒนาบ้านเกิดจะยิ่งทวีความสำคัญ”
คุณสาโรจน์ มณีรัตน์ หัวหน้าข่าว CSR สำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ ให้ความสนใจกับการทำงานวิจัยของโครงการทุนการศึกษาว่า “จากนี้จะนำผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้อย่างไร และมีประโยชน์ต่อการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมของโครงการทุนการศึกษาในมิติใดบ้าง”
คุณศุภชัย สุทธิพงษ์ชัย ชี้แจงเพิ่มเติมว่า “ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากงานวิจัยคือ การถอดบทเรียนการดำเนินงานของโครงการทุนที่ผ่านมา และภาคสังคมยังสามารถนำกระบวนการที่เราทำมาไปใช้ศึกษาถึงประโยชน์ในการทำงานเพื่อสังคมที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง คน ด้วยการศึกษา”
คุณวิทวัส ชัยปาณี นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ได้กล่าวเสริมว่า “ชื่นชมแนวทางการให้ทุนการศึกษาของ บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด ที่ใช้ศาสตร์พระราชา หล่อหลอมสิ่งที่ทำให้เด็ก ๆ สามารถนำไปใช้ได้ในการดำเนินชีวิตต่ออย่างจริงจัง และสร้างกระบวนการฝึกให้เด็กมีความคิดของตัวเอง เป็นตัวของตัวเอง”
คุณปิยะกมล เดชนิมิตรชัย หัวหน้ากองข่าวสังคม สำนักข่าว MCOT ได้ให้ข้อเสนอในการสนับสนุนกิจกรรมของโครงการทุนการศึกษาฯ “ทาง MCOT ยินดีต้อนรับคณะนักเรียนทุนที่สนใจมาศึกษาดูงานด้านวิทยุโทรทัศน์ของ MCOT ซึ่งจะสามารถเปิดมุมมองให้น้องๆ ได้เห็นการทำงานในสายงานนิเทศศาสตร์เชิงลึกนั้น มีอาชีพที่น่าสนใจอีกมาก”
ปัจจุบัน ทางโครงการฯ มีนักเรียนทุนในความดูแล 762 คน จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ และมีศิษย์เก่าที่จบการศึกษาไปแล้วทั้งสิ้น 1,340 คน แบ่งเป็นระดับปริญญาตรี 940 คน และระดับอาชีวศึกษา 400 คน ในทุกสาขาอาชีพ อีกทั้งมีนักเรียนทุนที่มุ่งมั่นกลับไปพัฒนาบ้านเกิดแล้วว่า 40% ของนักเรียนทุนที่สำเร็จการศึกษาแล้ว และนี่คือคุณค่าในการพัฒนาการศึกษาแก่เยาวชน และเป็นความภาคภูมิใจของโครงการทุนการศึกษา บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด