“PDJ” เผยงบไตรมาส 4 ประจำปี 2562 มีรายได้สูงสุดในรอบ 5 ปี

จันทร์ ๑๖ มีนาคม ๒๐๒๐ ๑๐:๔๗
นายชนัตถ์ สรไกรกิติกูล ประธานกรรมการการเงินและบริหารความเสี่ยง บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) “PDJ” ผู้นำธุรกิจผลิต จัดจำหน่าย และค้าปลีกเครื่องประดับอัญมณี เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ปี 2562 โดยรวมดีขึ้น มีรายได้สูงสุดในรอบ 5 ปี และสามารถกลับมามีกำไรจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง 2 ไตรมาส โดยกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,984.76 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,793.85 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.83 โดยมีผลมาจากยอดขายในฐานการผลิตเพิ่มขึ้น 36% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 64% ของยอดขายโดยรวมสืบเนื่องจากการปรับแผนงาน ส่งผลให้ลูกค้าปรับการสั่งสินค้าตรงมาที่ฐานการผลิต นอกจากนี้ ในปี 2562 บริษัทฯมียอดขายส่วนหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาจากลูกค้ารายใหม่ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่ามาตรฐานจึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าในปีก่อน และหากไม่รวมผลกระทบจากค่าใช้จ่ายสำรองผลประโยชน์ระยะยาวของพนักงานสายผลิตที่รวมอยู่ในต้นทุนขาย 48.60 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากปีก่อน

ในขณะที่ยอดขายในฐานการจัดจำหน่าย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 7% ของยอดขายโดยรวม มียอดลดลง 58% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวลดลง เมื่อเปรียบเทียบยอดขายของปีก่อนที่ยังไม่ได้มีผลกระทบจากเลิกกิจการบริษัทย่อยที่ประเทศเยอรมันในปลายไตรมาสที่ 1 ปี 2561 และเริ่มแผนการลดขนาดธุรกิจบริษัทย่อยที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 และบริษัทย่อยที่ประเทศฝรั่งเศสในไตรมาสที่ 2 ปี 2562 เพื่อปรับลดฐานกิจการที่ไม่สร้างกำไร

ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของฐานการจัดจำหน่ายโดยปกติจะสูงกว่าอัตรากำไรขั้นต้นของฐานการผลิต แต่เนื่องจากการปรับแผนงานในระหว่างปี เป็นสาเหตุทำให้ยอดขายจากฐานการจัดจำหน่ายลดลง จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นรวมลดลง

สำหรับฐานการค้าปลีก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 29% ของยอดขายโดยรวม มียอดลดลง 5% จากปีก่อนจากสภาวะตลาดในประเทศไทยชะลอตัวในการใช้จ่ายกับกลุ่มสินค้าเครื่องประดับ กลุ่มบริษัทฯ จึงได้มีการเริ่มปรับแผนกลยุทธ์ของฐานการค้าปลีก เพื่อช่วยให้กลุ่มลูกค้าสามารถได้รับบริการทั้ง 3 แบรนด์ PRIMA GOLD, PRIMA DIAMOND, PRIMA ART ภายใต้การดูแลของแบรนด์ “PRIMA” เป็นร้านค้า Fine Jewelry แบบครบวงจร และขยายฐานลูกค้าในประเทศ และขยายฐานลูกค้าในประเทศ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2562 ที่ผ่านมา จึงส่งผลให้มียอดขายเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น

จึงทำให้ภาพรวมในปี 2562 มีอัตรากำไรขั้นต้น 783.50 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ 26.25% ในขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ 31.54% , อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นปี 2562 จะอยู่ที่ 27.88% หากไม่รวมผลกระทบจากค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวที่รวมอยู่ในต้นทุนขาย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ