โดยการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิและรายได้รวมมาจากการที่บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ โดยเฉพาะรายได้จากการขายเครนและรอกไฟฟ้า ซึ่งคิดเป็น 59% ของรายได้รวมทั้งหมดในปี 2562 โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักคือ โรงไฟฟ้า อสังหาริมทรัพย์ ยานยนต์ ปิโตรเคมี และรถไฟฟ้า และการรับรู้รายได้จากส่วนงานใหม่คือ การขายและติดตั้งระบบการจัดการคลังสินค้าและอุปกรณ์ จำนวน 43.11 ล้านบาท รวมถึงรับรู้รายได้จากส่วนงานให้บริการเครนและรอกไฟฟ้า ช่องโหลดสินค้าและอุปกรณ์ที่เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักคือ ยานยนต์ เหล็ก และอลูมิเนียม
ในขณะที่ในปี 2563 บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2562 บริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ หรือ Backlog อยู่ที่ 283 ล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าตัวเลข Backlog มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับ เนื่องจาก บริษัทฯ ยังคงได้รับคำสั่งซื้อสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงบริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายฐานลูกค้าในส่วนของงานให้บริการเครนและรอกไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นทั้งในส่วนของฐานลูกค้าเดิมและฐานลูกค้าใหม่ในหลายอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มรายได้และกระจายความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
"ในปีนี้เรายังมองเป้าไปที่การเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ภาวะของเศรษฐกิจอาจจะไม่เอื้ออำนวยต่อหลาย ๆ อุตสาหกรรมเท่าไหร่นัก ซึ่งเราเองก็มีการเตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้ว โดยการขยายฐานของลูกค้าในกลุ่ม งานขายอะไหล่และบริการให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้ในส่วนนี้เพื่อทดแทนรายได้ในส่วนอื่นๆ ที่อาจจะชะลอตัวลงได้" นายองอาจกล่าว