นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ หัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Nattakrit Laotaweesap, Head Of Wealth Advisory of TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ทวีความรุนแรง และแพร่กระจายไปยังประเทศต่างๆ ทำให้ล่าสุดภาครัฐฯ หลายประเทศได้ประกาศปิดสถานศึกษา สถานบันเทิง และงดกิจกรรมที่เกิดการรวมตัวของผู้คนชั่วคราว ขณะที่คนในสังคมก็เริ่มตระหนักและระมัดระวังตัวมากขึ้น โดยรักษาระยะห่างระหว่างผู้อื่นในสังคม (Social Distancing) เพื่อลดโอกาสการติดไวรัสพร้อมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาพึ่งพาโลกออนไลน์มากขึ้น เช่น ใช้ช่องทางออนไลน์ในการติดต่อสื่อสาร สั่งซื้อสินค้า ประชุมทางไกลแทนการประชุมในห้องที่ต้องนั่งเรียงติดกัน รวมถึงการทำงานผ่านระบบออนไลน์อยู่ที่บ้าน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสถานศึกษาของไทยที่ได้ปรับเปลี่ยนจากการสอนในห้องเรียนมาเป็นการสอนออนไลน์ เพื่อให้การเรียนการสอนเดินหน้าต่อตามแผนที่วางไว้ ซึ่งในต่างประเทศ“การศึกษาออนไลน์” ได้รับความนิยมมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะช่วยให้ผู้เรียนเข้าถึงการศึกษาได้ดีมากขึ้น สามารถยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามความสะดวกของผู้เรียน และยังช่วยลดปัญหาค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาที่ปรับตัวสูงขึ้นทุกปีได้อีกด้วย
นายณัฐกฤติกล่าวอีกว่า จากการศึกษาข้อมูลพบว่า อัตราการเติบโตของการศึกษาออนไลน์น่าจะเติบโตได้มากกว่า 20% ต่อปี และคาดว่าในปี 2566 จะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 423,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาออนไลน์ในรูปแบบ Edutainment ซึ่งเป็นการเรียนการสอนที่นำเทคโนโลยีมาเป็นตัวกลางผสมผสานระหว่างการศึกษากับความบันเทิงเข้าด้วยกัน โดยอาจใช้สื่อ เช่น อินเตอร์เน็ต เกม ซอฟท์แวร์ ดนตรี และภาพยนตร์ เพื่อดึงดูดใจผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนรู้สึกสนุก เพลิดเพลินไปกับการเรียน อีกทั้งยังช่วยให้ผู้เรียนได้รับการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“การศึกษาออนไลน์ในรูปแบบ Edutainment ไม่ได้เพียงตอบโจทย์การใช้ชีวิตในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เท่านั้น แต่การศึกษาออนไลน์รูปแบบดังกล่าวจะเข้ามาปฏิวัติการศึกษาในห้องเรียนแบบเดิมๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศ เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนการสอน ทำให้ผู้เรียนรู้สึกสนุกไปกับการเรียน มีความสะดวกสบาย ลดค่าใช้จ่ายทั้งในเรื่องการเดินทางไปเรียน ตำราเรียนที่เปลี่ยนเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้กระทั่งการใช้เทคโนโลยีการจำลองภาพให้เสมือนจริงอย่าง AR และ VR และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยในการเรียนด้วย ซึ่งไม่น่าแปลกที่ธุรกิจประเภทนี้ จะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเหมาะสำหรับเข้าลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ลงทุน” นายณัฐกฤติกล่าว
สำหรับตัวอย่างบริษัทการศึกษาออนไลน์ในรูปแบบ Edutainment ได้แก่ บริษัท Afya ผู้นำแพลตฟอร์มเทคโนโลยีสำหรับการศึกษาตัวยาในประเทศบราซิล และเป็นผู้ผลิต Edutainment ทางการแพทย์แห่งแรกของโลก โดยในปี 2562 บริษัทนี้มีรายได้เติบโตถึง 20%, บริษัท Chegg ผู้ให้บริการเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนหนังสือเรียนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐฯ โดย Chegg ไม่เพียงแต่เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนหนังสือเท่านั้น แต่ยังใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลของกลุ่มนักเรียนที่ใช้บริการ เพื่อนำเสนอบริการอื่นๆ ผ่านระบบออนไลน์ด้วย เช่น บริการติวเตอร์ การสอนการบ้าน และช่วยจัดหาที่ฝึกงาน โดย Chegg มีอัตราการเติบโตของกำไรในปี 2562 สูงเกือบ 25% และตัวอย่างสุดท้ายคือ บริษัท CAE, Inc. ผู้ผลิตเครื่องบินจำลองสำหรับนักบินฝึกอบรม (Training Pilots) ซึ่งธุรกิจนี้มีคู่แข่งน้อย จึงทำให้ CAE สามารถสร้างรายได้เติบโตด้วยตัวเลขสองหลักโดยมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมากกว่า 60% เป็นต้น