ในขณะเดียวกัน JTA เองก็ได้อ้างว่าหุ้นกู้แปลงสภาพนั้นเป็นโมฆะแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีภาระหน้าที่ใด ๆตามสัญญาลงทุนระหว่าง JTA และ GL แล้ว หมายรวมถึงเรื่องกำหนดการชำระเงินด้วย กรณีดังกล่าวยังเป็นข้อพิพาทในชั้นศาล โดย GL ถือว่าได้บอกเลิกสัญญาไปแล้วในขณะที่ JTA เห็นว่าหุ้นกู้แปลงสภาพดังกล่าวเป็นโมฆะ ดังนั้นภาระหน้าที่ของ GL ต่อ JTA จึงยังไม่มีความชัดเจนและอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลไทย
GL ยืนยันชัดเจนว่า บริษัทฯ มีความสามารถในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย แต่ด้วยการกระทำของ JTA ที่ได้กล่าวมาแล้ว และ ภายใต้กฎหมายไทย การจ่ายเงินใด ๆ ของ GL ให้แก่ JTA จะเป็นการชำระหนี้ที่ไม่มีมูล และ GL เองก็ยังไม่สามารถระบุจำนวนที่ต้องชำระแน่นอนได้ ดังนั้นจึงต้องรอคำวินิจฉัยชี้ขาดจากศาล
ที่ผ่านมา JTA ได้ยื่นคำร้องต่อศาลประเทศไทยในการขอฟื้นฟูกิจการของ GL โดยศาลได้ยกคำร้องแล้วหลายครั้ง และล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ในคคีแพ่ง JTA ก็ถูกศาลสั่งให้จ่ายค่าเสียหายให้แก่ GLเป็นจำนวน 685.5 ล้านบาท เนื่องจากศาลเห็นว่า JTA มีเจตนาไม่สุจริตในการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการทำให้ GL ได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ยังมีคดีในประเทศสิงคโปร์ ที่ JTA กล่าวหาว่า GL มีเจตนาทุจริตทำการตกแต่งงบการเงินทำให้มีผลประกอบการเกินจริง ในที่สุดศาลสูงของสิงคโปร์ได้ยกฟ้องข้อกล่าวหาของ JTA ในทุกประเด็นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
การกระทำของ JTA นับเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตสร้างความเสียหายเป็นอันมากทั้งต่อ GL บริษัทย่อย และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านการเงินและชื่อเสียง และความเสียหายเหล่านี้ได้เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
GL จึงจำเป็นต้องใช้สิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายจาก JTA อย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดย GL จะไม่เพิกเฉย และจะขอใช้สิทธิต่าง ๆ เพื่อรักษาประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียของ GL
อย่างไรก็ตาม GL ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับ JTA ในการร่วมกันหาทางออกในกรณีดังกล่าว แต่ถึงกระนั้น GL จะไม่ยินยอมให้ JTA ใช้วิธีทางกฎหมายโดยไม่สุจริตนี้ต่อไป