นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (Mr. Apichat Poobunjirdkul, Senior Strategist, TISCO Securities Co., Ltd) เปิดเผยว่า ในเดือนมีนาคมตลาดหุ้นโลก (MSCI World Index) เข้าสู่ภาวะหมีอย่างรวดเร็ว หลังดัชนีทั่วโลกปรับตัวลงมากกว่าระดับ 20% จากจุดสูงสุด ขณะที่ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาแล้ว 18% แตะระดับต่ำสุดในรอบมากกว่า 8 ปี และภายในเดือนเดียวราคาหุ้นบางตัวปรับลงมากกว่า 50% ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ที่กระจายไปทั่วโลกซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเพียงใด และยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไร ดังนั้น การเลือกหุ้นที่น่าลงทุนตอนนี้ต้องไม่ใช่แค่ “ราคาถูก” เพราะขณะนี้ของถูกเต็มตลาด แต่สิ่งที่นักลงทุนต้องหาให้เจอคือ “หุ้นที่ดี” โดยวิธีพิจารณาหาหุ้นที่ดีนั้น ควรต้องดูถึงกระแสเงินสดของบริษัทเป็นอันดับแรก รองลงมาคือลักษณะธุรกิจ, ความเป็นผู้นำ, ความได้เปรียบทางธุรกิจ และกำไรเติบโตต่อเนื่อง
“ในภาวะวิกฤติมักจะมีคำพูดว่า “Cash is King” หมายถึง การถือเงินสดมีค่าหรือดีกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ หรืออีกนัยหนึ่ง หากจะเลือกลงทุนในหุ้นตัวใด ก็ควรให้ความสำคัญของกระแสเงินสดในมือและความแข็งแกร่งของฐานะการเงินในอันดับแรก เพราะเป็นปัจจัยสำคัญของการอยู่รอดในภาวะวิกฤติ ซึ่งจะสะท้อนอยู่ในงบดุลของแต่ละบริษัท หลังจากนั้นจึงพิจารณาต่อถึงลักษณะธุรกิจ ความเป็นผู้นำ ความได้เปรียบทางธุรกิจ และกำไรเติบโตต่อเนื่อง” นายอภิชาติกล่าว
นอกจากนี้
หุ้นที่เลือกลงทุนก็ควรจะเคยผ่านร้อนผ่านหนาวในวิกฤติต่างๆ มาแล้ว
โดยอย่างน้อยต้องเคยผ่านวิกฤติเศรษฐกิจปี 2551 เพื่อพิสูจน์ถึงฝีมือในการบริหาร และอันดับสุดท้ายควรพิจารณาว่าขณะนี้เป็นโอกาสในการลงทุนหรือไม่
โดยดูจากการปรับตัวลงของราคาหุ้น และระดับการประเมินมูลค่าหุ้นน่าสนใจหรือไม่
ทั้งในแง่ของอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี
(PBV), อัตราส่วนราคาต่อกำไร (PER) และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล
ทั้งนี้ จากประเด็นข้างต้น
บล.ทิสโก้ได้สร้างเกณฑ์คัดกรองหุ้นดังนี้ 1.ฐานะการเงินแข็งแกร่ง
โดยพิจารณาจากอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนมากกว่า 1 เท่า ,
อัตราส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) น้อยกว่า 1 เท่า, มีกระแสเงินสดในมือสูง 2. การประเมินมูลค่าน่าสนใจ โดยพิจารณาว่าถูกเมื่อเปรียบเทียบกับตลาด
ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
(ROE), PER และ PBV ถูกกว่าตลาดหรือค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
รวมทั้งอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลดีกว่าตลาด หรือให้อัตราเงินปันผลมากกว่า 5%
3. ระดับราคาปัจจุบันจูงใจต่อการเข้าลงทุน โดยพิจารณาจากราคาหุ้นที่ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันราคาปรับตัวลงมามากกว่าตลาด
หรือลงมากกว่า 30%
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบหุ้นทั้งหมดในตลาด บล.ทิสโก้พบว่าหุ้นที่น่าสนใจมีดังนี้ VNT (เป้าพื้นฐานของ Bloomberg Consensus 30.77 บาท), SAT (เป้าพื้นฐาน 15.28 บาท), PTTEP (เป้าพื้นฐาน 93.79 บาท), STANLY (เป้าพื้นฐาน 190.67 บาท) และ PYLON (เป้าพื้นฐาน 7.05 บาท) เป็นหุ้นที่มีภูมิคุ้มกันสูง คาดว่าจะสามารถต้านภาวะวิกฤติ COVID-19 ได้เป็นอย่างดี อิงจากเป้าพื้นฐานของตลาดโดยรวม (Bloomberg Consensus) หุ้นทุกตัวดังกล่าว คาดหวังว่าหุ้นจะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น (Upside) สูงกว่า 40% ขึ้นไป ทั้งนี้ สำหรับลูกค้า บล.ทิสโก้สามารถสร้างเงื่อนไขการคัดกรองหุ้นด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน “TISCO Guru Plus” โดยสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงทุกบทวิเคราะห์ผ่าน “TISCO Research” ได้อีกด้วย