นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กรุงไทย ซีมิโก้ ได้ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ไว้ว่า “ดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 747 – 1017 จุด อิงระดับ PER 11 - 15 เท่า โดยกรณี Base Case อยู่ที่ 884 จุด อิง 2020E EPS ที่ 67.90 บาท -20.5% ซึ่ง ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับประมาณการ Bloomberg Consensus EPS ที่ 92.9 บาท +8.7% เป็นผลจากที่เราคาดว่าผลกำไรกลุ่มอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร จะถูกปรับลดประมาณการกำไรลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังเราปรับลดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็น -4.6% (VS ธปท. -5.3%) ส่วนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยจะขึ้นอยู่กับ 1) ความรวดเร็วในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั่วโลก ให้เข้าสู่ภาวะควบคุมได้ ซึ่งเราคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ภายในกลางปีนี้ และต้องใช้เวลาอีก 3 - 6 เดือนสำหรับการกลับสู่ภาวะปกติ 2) ภาคการผลิตจีนสามารถกลับสู่ภาวะการผลิตปกติได้เร็วเพียงใด และ 3) ความรวดเร็วในการออกมาตรการด้านการเงินและการคลังจำนวนมหาศาลของทุกประเทศทั่วโลก”
สำหรับพอร์ตลงทุนแนะนำ 1) กลุ่มบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้า ได้แก่ GPSC EGCO RATCH จากรายได้ที่มีความแน่นอนและจ่ายปันผลได้ต่อเนื่อง 2) กลุ่มบริษัทที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ ด้วยยิลด์ปันผลสูงกว่า 5% ได้แก่ DIF JASIF INTUCH TISCO 3) กลุ่มบริษัทที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล ได้แก่ CK STEC AIT ADVANC CPF และ 4) กลุ่มบริษัทที่จะฟื้นตัวได้เร็วหากเศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติ ได้แก่ MTC SAWAD
ด้านนายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กรุงไทย ซีมิโก้ ให้มุมมองการลงทุนทางเทคนิคคอลไว้ว่า “ดัชนี SET ในไตรมาส 2 ยังคงมีความเสี่ยงที่จะอ่อนตัวลง หลังดัชนียังไร้สัญญาณบวก หรือการกลับตัวที่ชัดเจน ที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงการรีบาวด์สลับเข้ามา แต่ก็มีมุมองบวกต่อแนวรับบริเวณ 1,010 / 969 – 950 และ 903 จุด เพราะคาดว่าดัชนีอาจสามารถสร้างฐานบริเวณดังกล่าวได้ หลังจากช่วงที่ผ่านมาดัชนีพยายามเด้งตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวในระดับ 1,100 จุด และมักจะเด้งตัวกลับขึ้นมาเร็วจากบริเวณ 1,010 จุด รวมถึงที่บริเวณดังกล่าวดัชนีปรับตัวลงราว 45% จาก 1,852 จุด ดังนั้นการปรับตัวลงต่อ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสการรีบาวด์รอบใหญ่ได้ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,120 และ 1,219 จุด โดยเฉพาะการผ่าน 1,219 จุดไปได้ ดัชนีก็น่าจะกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300 – 1,400 จุดอีกครั้ง”
ส่วนการลงทุนในตลาดสินค้า TFEX หรือตราสารอนุพันธ์ นายอนรรฆพล เมืองเกษมรัตน์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กรุงไทย ซีมิโก้ ได้แนะว่า “ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวทางเทคนิคอยู่ที่บริเวณ 1,400 - 1,750 ดอลลาร์สหรัฐ เราคาดว่าจะมีความผันผวน แต่ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อยู่ โดยมีเป้าหมายสำคัญในไตรมาส 2 อยู่ที่บริเวณ 1,750 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ขึ้นไปทดสอบที่ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ระบาดไปทั่วโลกในตอนนี้ และกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้มีการชะลอตัวแรง ดังนั้น ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจอยู่สำหรับนักลงทุน และยังน่าที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ ตามแรงหนุนจากความต้องการทองคำที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และธนาคารกลางทั่วโลกต่างพร้อมใจกันออกมาตรการกระตุ้นเศรฐกิจ”