ให้เลื่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2563 ออกไปก่อนจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะคลี่คลาย
โดยการเลื่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ
อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายและเหมาะสม คณะกรรมการบริษัทฯ
จะพิจารณากำหนดวันประชุมและระเบียบวาระการประชุม
รวมทั้งวันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้นในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2563
ขึ้นใหม่ และจะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบต่อไปอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแทนการจ่ายเงินปันผลประจำปีสำหรับผลประกอบการ
6 เดือนหลังของปี 2562 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นตามกำหนดเดิมในวันที่ 21 เมษายน 2563 โดยบริษัทฯ
จะเสนอไม่จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการ ปี 2562 อีก
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) อย่างใกล้ชิด เพื่อจัดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2563 โดยเร็วต่อไป
ไทยออยล์เป็นผู้ประกอบธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 โดยมีธุรกิจหลักคือ การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 275,000 บาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ไทยออยล์มีระบบการบริหารจัดการที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ (Operational
Excellence) โดยบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงธุรกิจ
ทั้งธุรกิจการกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน
โดยร่วมวางแผนการผลิตก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำ
ขณะเดียวกันมีคุณภาพสูงในระดับโรงกลั่นชั้นนำ (Top quartile) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต
เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น
ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจสารทำละลาย ธุรกิจบริหารการขนส่งทางเรือและทางท่อ
ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด
ธุรกิจบริการจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี
และธุรกิจให้บริการด้านการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรสำหรับกลุ่มไทยออยล์