ฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิตสากลของธนาคารกสิกรไทยเป็น 'BBB’ จากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส

ศุกร์ ๐๓ เมษายน ๒๐๒๐ ๑๔:๑๖

ประกาศลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term

Foreign-Currency IDR) ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBank เป็น 'BBB’ จาก 'BBB+’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น (Short-Term

Foreign-Currency IDR) เป็น 'F3’ จาก 'F2’ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน

(Viability

Rating) เป็น

'bbb’

จาก

'bbb+’

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์

ไม่มีหลักประกัน เป็น 'BBB’ จาก 'BBB+’ และอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลเงินต่างประเทศที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่

2

ตามเกณฑ์บาเซิล 3 เป็น 'BB+’ จาก 'BBB’ และยกเลิกสถานะอันดับเครดิตที่เป็นอันดับเครดิตที่อยู่ระหว่างการทบทวนที่เกิดจากการประกาศใช้หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตฉบับใหม่

(Under

Criteria Observation) ในขณะเดียวกันฟิทช์คงอันดับเครดิตในประเทศระยะยาว

(National

Long-Term Rating) ของ KBank ที่ 'AA+(tha)’ และอันดับเครดิตในประเทศระยะยาวของบริษัทย่อยซึ่งคือ

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KS) ที่ 'AA(tha)’ รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดได้แสดงไว้ในส่วนท้าย

การปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงความท้าทายของสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่

KBank

กำลังเผชิญและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสที่กระจายเป็นวงกว้าง

ซึ่งผลกระทบดังกล่าวได้เพิ่มแรงกดดันต่อสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานของธนาคารที่อ่อนแอมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและทั่วโลกที่ซบเซา

แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีมาตรการผ่อนปรนเพื่อช่วยสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้

แต่มาตรการเหล่านี้ไม่น่าจะหักล้างความเสี่ยงที่เกิดจากผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำต่อลูกหนี้ที่มีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่ KBank มีฐานลูกค้าค่อนข้างมาก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานของธนาคารไทยสามารถดูได้จาก

“Coronavirus

Outbreak Increases Challenges for Thai Banks’ Operating Environment” ลงวันที่ 2 เมษายน 2563

เนื่องจากระยะเวลาและแนวโน้มความรุนแรงของสถานการณ์การระบาดของโคโรน่าไวรัสที่ยังมีความไม่แน่นอน

ซึ่งตามสมมติฐานกรณีฐานของฟิทช์นั้นคุณภาพของสินทรัพย์รวมถึงผลการดำเนินงานของ KBank อาจได้รับผลกระทบมากในช่วงระยะเวลา

2

ปีข้างหน้าเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานในปี 2562

โดยนอกจากระดับค่าใช้จ่ายการสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่อาจเพิ่มขึ้นแล้ว

รายได้ของธนาคารก็อาจจะปรับตัวลดลงจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ

รวมถึงรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ชะลอตัว

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ

อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ

อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ KBank พิจารณาจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร

(Viability

Rating หรือ VR) ซึ่งประเมินจากความแข็งแกร่งทางธุรกิจของธนาคาร

(Standalone

Profile) นอกจากนี้การพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างโครงสร้างเครดิตของธนาคารและธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยรายอื่นยังเป็นปัจจัยในการพิจารณาอันดับเครดิตภายในประเทศของ

KBank

ด้วยเช่นกัน

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นสะท้อนถึงหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตและฟิทช์พิจารณาประกอบกับโครงสร้างการระดมทุนและสภาพคล่องของธนาคารที่ระดับ

'bbb’

การคงอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารสะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ต่อโครงสร้างเครดิตของ

KBank

ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศแม้ว่าอันดับเครดิตสากลของธนาคารจะถูกปรับลดอันดับลง

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ

KBank

พิจารณาถึงความสามารถในการแข่งขันของธนาคารในฐานะหนึ่งในธนาคารชั้นนำของอุตสาหกรรมธนาคารไทยโดยธนาคารมีเครือข่ายธุรกิจที่ได้รับการสนับสนุนจากฐานธุรกิจที่มีเสถียรภาพและมีขนาดใหญ่โดยมีจุดแข็งในด้านบริการธนาคารดิจิทัลและการให้บริการด้านธุรกรรมธนาคาร

(Transactional

banking) อีกทั้งธนาคารมีบริการด้านการธนาคารที่ครบวงจรรวมถึงมีการให้บริการลูกค้าในหลากหลายกลุ่มลูกค้า

อย่างไรก็ตาม KBank

ยังมีฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

(SMEs)

ในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงกว่าธนาคารขนาดใหญ่รายอี่นซึ่งจะทำให้มีแรงกดดันต่อคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารในช่วงเวลาปัจจุบันของวัฏจักรธุรกิจและจะทำให้มีแรงกดดันเพิ่มเติมต่อผลกำไรจากการดำเนินงานของธนาคารซึ่งในปัจจุบันระดับผลกำไรดังกล่าวอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

(risk

appetite) ของการดำเนินธุรกิจของธนาคารซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับกับธนาคารอื่น

ธนาคารยังคงมีโครงสร้างเครดิตที่ดีกว่าและมีความสามารถในการรองรับผลกระทบเชิงลบที่มากกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นที่มีอันดับเครดิตที่ต่ำกว่า

ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันเชิงลบต่ออันดับเครดิตของธนาคารในช่วงระยะเวลา 12-18 เดือนข้างหน้า

ระดับเงินกองทุนของ KBank ที่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งพิจารณาจากระดับของเงินกองทุนชั้นที่

1

ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (common-equity Tier-1) ของธนาคารที่ 16.2% ในปี 2562 น่าจะช่วยสนับสนุนโครงสร้างเครดิตของธนาคารที่ระดับอันดับเครดิตในปัจจุบันได้

ฟิทช์ยังคาดว่าระดับของสำรองหนี้สูญ (loan loss reserve) ต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่

149%

และระดับของหลักประกันของเงินกู้ที่เพียงพอโดยเฉพาะของสินเชื่อ SME จะช่วยรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดจากคุณภาพของสินเชื่อที่อาจปรับตัวอ่อนลงได้บางส่วน

อีกทั้งสภาพคล่องและการระดมทุนในประเทศของ KBank ได้รับแรงสนับสนุนจากการที่ธนาคารมีฐานเงินฝากบัญชีกระแสรายวันและบัญชีออมทรัพย์

(CASA)

ในสัดส่วนสูงที่

77% ของฐานเงินฝาก

ณ สิ้นปี 2562

ซึ่งสนับสนุนให้ธนาคารมีต้นทุนการระดมเงินทุนที่ต่ำจากแหล่งระดมทุนที่มีเสถียรภาพ

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตสนับสนุน

(Support

Rating) และ

อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ

อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ

KBank

สะท้อนถึงการที่ธนาคารมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทย

โดยส่วนแบ่งทางการตลาดของ KBank ในด้านเงินฝากอยู่ที่ประมาณ 15%

ของระบบธนาคารพาณิชย์ โดย KBank เป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์ 5

แห่งที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทยและฟิทช์เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ

(extraordinary

support) แก่ธนาคารในกรณีที่จำเป็น

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

หุ้นกู้ด้อยสิทธิ

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่

2 ตามเกณฑ์บาเซล

3 ของ KBank ซึ่งปัจจุบันธนาคารได้เสนอขายตราสารหนี้ดังกล่าวทั้งในและต่างประเทศ

ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตสากลและอันดับเครดิตภายในประเทศอยู่ 2 อันดับ

เนื่องจากการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตในกรณีฐาน (baseline) ของอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ

ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของธนาคารฉบับใหม่ เพื่อสะท้อนมุมมองของฟิทช์ที่ตราสารประเภทดังกล่าวมีโอกาสที่จะได้รับชำระหนี้คืน

(recovery

rate) ในอัตราที่ต่ำลงเมื่อเทียบกับตราสารที่ไม่ด้อยสิทธิ

ทั้งนี้

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวไม่ได้ถูกปรับลดอันดับเพิ่มเติมเพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นกู้จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดการณ์

(non-performance

risk) เนื่องจากหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนระหว่างการดำเนินกิจการ

(going-concern

loss absorption)

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

บริษัทร่วมและบริษัทย่อย

การประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศของ

KS

สะท้อนถึงมุมองของฟิทช์ว่าโอกาสในการให้การสนับสนุนจากธนาคารแม่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป โดย KS ยังคงเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อ

KBank

เนื่องจากการถือหุ้นเกือบทั้งหมดโดยบริษัทแม่

อีกทั้งยังใช้ชื่อที่ใกล้เคียง มีการควบคุมจากธนาคารแม่และยังมีบทบาทที่สำคัญในกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจรูปแบบธนาคารครบวงจร

(universal

banking strategy) ของธนาคารแม่ การที่อันดับเครดิตอยู่ต่ำกว่า KBank อยู่ 1

อันดับเนื่องจากบริษัทลูกมีขนาดเล็กและมีผลกำไรที่คิดเป็นสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับผลกำไรของกลุ่ม

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ

อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต

(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ

อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ KBank จะได้รับผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับการเปลี่ยนแปลงของระดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร

นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงมุมมองของฟิทช์ที่มีต่อโครงสร้างทางเครดิตของ KBank เมื่อเทียบกับอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารอื่นในประเทศไทยอาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของ

KBank

ได้

การปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ

KBank

จะส่งผลในทิศทางเดียวกันต่ออันดับเครดิตสากลและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

ในขณะที่การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของธนาคารหรือความแข็งแรงในด้านการระดมทุนและสภาพคล่องของธนาคารที่สูงขึ้นในมุมมองของฟิทช์ก็อาจส่งผลให้อันดับเครดิตระยะสั้นได้รับการปรับเพิ่มอันดับได้

สำหรับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศของ KBank นั้นมีโอกาสจำกัดโดยพิจารณาจากระดับความแข็งแกร่งของธนาคารของตัวธนาคารในระดับปัจจุบันและเมื่อเทียบเคียงกับธนาคารขนาดใหญ่รายอื่นในประเทศ

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิดการปรับลดอันดับเครดิต

(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ

KBank

อาจส่งผลในทิศทางเดียวกับต่ออันดับเครดิตระยะยาวและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของธนาคาร

อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารอาจถูกปรับลดอันดับเป็น 'AA (tha)’ ได้หากระดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารถูกปรับลดอันดับลงอีก

หรือฟิทช์มีความเห็นว่าโครงสร้างเครดิตของธนาคารปรับตัวอ่อนลงเมื่อพิจารณาเทียบกับสถาบันการเงินอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต

(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ

KBank

อาจได้รับการปรับอันดับกลับไปที่

'bbb+’

หากอัตราส่วนแสดงฐานะทางการเงินที่สำคัญอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับธนาคารอื่นที่ได้รับการจัดอันดับที่สูงกว่าซึ่งดำเนินธุรกิจในสภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจในระดับเดียวกัน

(ซึ่งคือในระดับ 'bbb’) ซึ่งรวมถึงการคงอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

(NPL)

ที่ต่ำกว่า

3%

ในขณะที่มีระดับสำรองหนี้สูญและระดับของเงินกองทุนที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เช่น

ระดับของเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (common-equity

Tier-1) อยู่ในระดับที่สูงกว่า

16%

อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการรักษาคุณภาพสินทรัพย์ในระดับที่ดียิ่งขึ้นนั้นจะช่วยสนับสนุนอัตรากำไรและส่งผลให้การสะสมทุนดีขึ้นและมีระดับเงินกองทุนที่สูงขึ้น

ฟิทช์มองว่าระดับผลกำไรของธนาคารอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับอันดับเครดิตและระดับความเสี่ยงของการดำเนินธุรกิจที่ยอมรับได้ของธนาคารในปัจจุบัน

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิดการปรับลดอันดับเครดิต

(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

การที่ระดับเงินกองทุนของธนาคารลดลงจนไม่เพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากคุณภาพของสินทรัพย์ที่อ่อนตัวอาจส่งผลให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินถูกปรับลดอันดับลงเป็น

'bbb-'

เช่น

ระดับของเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของลดลงต่ำกว่าระดับ 13%

ในขณะที่ระดับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) สูงกว่า 6%

และสำรองหนี้สูญที่ต่ำกว่า 120% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า

ซึ่งกรณีดังกล่าวก็จะสะท้อนในระดับกำไรที่ต่ำกว่าระดับที่ฟิทช์คาดหวังในกรณีฐาน

โดยปัจจัยเหล่านี้

ฟิทช์ใช้เป็นหลักเกณฑ์การพิจารณาในลักษณะเดียวกันกับกลุ่มธนาคารที่มีขนาดใหญ่ของประเทศ

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ

ฟิทช์อาจต้องทบทวนการประเมินอันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ

KBank

ใหม่

หากมีการเปลี่ยนแปลงในความสามารถหรือโอกาสของรัฐบาลในการให้การสนับสนุนแก่ธนาคารพาณิชย์

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต

(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากฟิทช์พิจารณาแล้วเห็นว่าโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนต่อธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ

(ซึ่งรวมถึง KBank)

มีเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามฟิทช์คิดว่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในระยะกลาง สำหรับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของประเทศไทยที่ปัจจุบันอันดับเครดิตอยู่ที่

'BBB+’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

นั้นอาจแสดงถึงความสามารถในการสนับสนุนธนาคาร (ซึ่งรวมถึง KBank) ที่สูงขึ้น

แต่ต้องพิจารณาภายใต้เงื่อนไขที่โอกาสในการให้การสนับสนุนธนาคารของรัฐบาลจะต้องไม่ลดลง

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

หุ้นกู้ด้อยสิทธิ

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต

(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ

KBank

จะได้รับผลกระทบจากการปรับเพิ่มอันดับเครดิตอ้างอิง

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิดการปรับลดอันดับเครดิต

(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ KBank จะได้รับผลกระทบจากการปรับลดอันดับเครดิตอ้างอิง

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

บริษัทร่วมและบริษัทย่อย

การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของธนาคารแม่น่าจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศของ

KS

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต

(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

ฟิทช์อาจทำการปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศของ

KS

หาก

KBank

แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการให้การสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นจากระดับที่ฟิทช์ประเมินในปัจจุบัน

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นหากพิจารณาว่า KS มีมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นต่อการดำเนินงานของธนาคาร

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิดการปรับลดอันดับเครดิต

(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

ความสามารถในการให้การสนับสนุนของ

KBank

หรือโอกาสที่

KBank

จะให้การสนับสนุน

KS

ที่ลดลงจะส่งผลลบต่ออันดับเครดิตของ

KS

เช่น

หากมีการลดการถือหุ้นในบริษัทลูกอย่างมากหรือมีการลดลงของการให้การสนับสนุนด้านการเงิน

ด้านการดำเนินธุรกิจ

หรือระดับความใกล้ชิดหรือความเชื่อมโยงในด้านการตลาดและการบริหารงานที่ลดลง

อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะปานกลาง

รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้

KBank:

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว ปรับลดอันดับเป็น 'BBB’ จาก 'BBB+’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น ปรับลดอันดับเป็น 'F3’ จาก 'F2’อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน ปรับลดอันดับเป็น 'bbb’ จาก 'bbb+’อันดับเครดิตสนับสนุน คงอันดับที่ '2’อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำคงอันดับที่ 'BBB-’อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'AA+(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F1+(tha)’อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของโครงการหุ้นกู้ Euro Medium-Term Note ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน มูลค่ารวม 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับลดอันดับเป็น 'BBB’ จาก 'BBB+’อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ปรับลดอันดับเป็น 'BBB’ จาก 'BBB+’อันดับเครดิตสากลระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (ตามเกณฑ์บาเซล 3) ปรับลดอันดับเป็น 'BB+’ จาก 'BBB’ และยกเลิกสถานะอันดับเครดิตที่เป็นอันดับเครดิตที่อยู่ระหว่างการทบทวนที่เกิดจากการประกาศใช้หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตฉบับใหม่ (Under Criteria Observation)อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (ตามเกณฑ์บาเซล 3) ปรับลดอันดับเป็น 'AA-(tha)’ จาก 'AA(tha)’

KS:

อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'AA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F1+(tha)’

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๓๔ ดรีมมี่ ร่วมด้วยช่วยฟื้นฟูผู้ประสบภัยหลังน้ำลด สมทบทุน-มอบสินค้าอุปโภคบริโภค และของใช้จำเป็น รวมมูลค่ากว่า 300,000
๐๕ พ.ย. กทม. เฝ้าระวังฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง เข้มตรวจสอบความแข็งแรงอาคารและป้ายโฆษณา
๐๙:๓๗ EXIM BANK แถลงผลการดำเนินงานเดือนมกราคม-กันยายน 2567 ปลดล็อกศักยภาพผู้ประกอบการไทยสู่เวทีโลก สร้างโลกเติบโตยั่งยืน
๐๙:๑๐ ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น ร่วมออกบูธในงาน Pet Fair Southeast Asia 2024 นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง
๐๙:๒๗ มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป กระตุ้นความเร้าใจเต็มสูบ กับ BMW 220i Gran Coupe M Sport ฟรีชุดแต่ง M Performance มูลค่าเกือบ 100,000 บาท จัดให้ในราคาพิเศษ 1.99 ล้านบาท เฉพาะที่โชว์รูม BMW Millennium
๐๙:๓๖ CMC ตอกย้ำความสำเร็จส่งท้ายปี ในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 46 ยอดจอง 145 ยูนิต มูลค่า 320 ล้านบาท
๐๙:๕๑ โพชงพลัส เครื่องดื่มสมุนไพร คว้ารางวัล BUSINESS PRODUCT OF THE YEAR AWARDS 2024
๐๙:๓๒ หุ้นกู้ RT ครั้งที่ 1/67 วันแรกกระแสตอบรับดี นักลงทุนสถาบัน-รายใหญ่ จองซื้อคึกคัก
๐๙:๔๘ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เปิดปรากฏการณ์ช้อป 'GREEN RETAIL STORE' สาขาสระบุรี แห่งที่ 33 ชู 'Zero Energy Building'
๐๙:๔๑ 8 หน่วยงานเซ็น MOU เพื่อดำเนินการร่วมกันด้านพลังงาน คมนาคม และสภาพภูมิอากาศ ภายใต้โครงการ TGC EMC ของเยอรมนี