WHA ชี้ปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นการเปลี่ยนจาก WHA HOLDING เป็น “จรีพรและบุตรสาว”

พฤหัส ๐๙ เมษายน ๒๐๒๐ ๑๐:๕๓
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม WHA Group ระบุแผนปรับโครงสร้างผู้ถือใหญ่ เป็นแค่การเปลี่ยนจาก WHA HOLDING ซึ่งถือหุ้นโดย จรีพร จารุกรสกุล และนายแพทย์สมยศ อนันตประยูร เป็น จรีพร จารุกรสกุล และบุตรสาว ไม่กระทบการบริหารและแผนธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ พร้อมเชื่อมั่นวิกฤต COVID-19 ในจีน ส่อแววพ้นขีดอันตรายหวังจุดชนวนปลุกเศรษฐกิจเอเชียพลิกฟื้นอีกครั้ง คาดหวังวิกฤตในไทยคลี่คลายก่อนกลางปีนี้ เชื่อหนุนยอดขายที่ดินนิคมฯ กลับมาคึกในครึ่งปีหลัง ระบุต่างชาติ ยังสนใจใช้ไทยเป็นฐานการผลิต คงเป้ายอดขายที่ดินปีนี้แตะ 1,400 ไร่ ชูธุรกิจโลจิสติกส์ ดีมานด์พุ่ง รับอานิสงส์ยอดขายกลุ่ม Consumer, Health Care และ E-Commerce

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group เปิดเผยถึงการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ตามรายงานที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า เป็นเพียงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของผู้ถือหุ้นจากบริษัท ดับบลิวเอชเอ โฮลดิ้ง (WHA HOLDING ) ซึ่งถือหุ้นโดย จรีพร จารุกรสกุล และนายแพทย์สมยศ อนันตประยูร เป็น “จรีพร จารุกรสกุล และบุตรสาว” โดยไม่ได้มีการขายหุ้นให้กับกลุ่มบุคคลอื่น และอำนาจในการควบคุมบริษัทฯ และโครงสร้างของคณะกรรมการบริษัท และผู้บริหารยังคงเป็นไปตามเดิม จึงไม่กระทบต่อการบริหารและแผนการดำเนินธุรกิจ

สำหรับการปรับโครงสร้างของผู้ถือหุ้นใหญ่ WHA HOLDING แบ่งขายหุ้นให้กับ “นางสาวจรีพร จารุกรสกุล" จำนวน 1,717,900,000 หุ้น และขายหุ้นให้กับ “นางสาวชัชชมนต์ อนันตประยูร” ซึ่งเป็นบุตรสาว จำนวน 769,569,252 หุ้น , “นายชัยวัฒน์ พู่พิสุทธิ์” (หลานชาย) จำนวน 474,200,000 หุ้น และ “นางสาวสุพิชญา พู่พิสุทธิ์” (หลานสาว) จำนวน 474,200,000 หุ้น

“การปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นเพียงการเปลี่ยนจาก WHA HOLDING มาเป็น “ จรีพรและบุตรสาว”เท่านั้น ซึ่งในครอบครัวยังถือหุ้นรวมกัน 45.51% และไม่กระทบอำนาจการบริหาร และการดำเนินธุรกิจ โดยโครงสร้างผู้บริหาร และกรรมการบริษัททุกอย่างยังคงเป็นไปตามเดิม”

ในด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ต่อภาพรวมธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมนั้น แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากกรณีของลูกค้าไม่สามารถเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมได้ด้วยตัวเอง และบางรายขอเลื่อนเซ็นสัญญาออกไปก่อน แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีกลุ่มลูกค้ารายใดยกเลิกสัญญา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่ง รวมถึงจุดแข็งของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอฯ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี

ดังนั้นบริษัทฯ คาดหวังว่าภายในครึ่งปีหลังวิกฤตสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ในประเทศไทย จะสามารถคลี่คลายไปทางทิศทางที่ดีขึ้น และหากเป็นเช่นนั้นก็จะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมทุกภาคส่วน สามารถกลับมาพลิกฟื้นได้เร็วขึ้น ซึ่งหมายรวมถึงนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอด้วย

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภาพรวมยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม สามารถกลับมาเติบโตได้ตามแผนเดิม ที่บริษัทฯ วางไว้ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินในปี 2563 จำนวน 1,400 ไร่ ประกอบด้วยนิคมอุตสาหกรรมในไทย จำนวน 1,200 ไร่ และนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม จำนวน 200 ไร่

“หลังจากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศจีนสามารถคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศจีนกำลังผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ได้แล้ว ในขณะที่ข้อมูลของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของจีน เริ่มกลับมาเดินเครื่องการผลิตได้แล้วกว่า 70 – 80% และยังถือว่าเป็นการสอดคล้องกับนโยบายของทางการจีน ที่เตรียมอัดมาตรการกระตุ้นการลงทุนและเศรษฐกิจครั้งใหญ่หลังจากที่เกิดวิกฤตในครั้งนี้ ซึ่งก็จะส่งผลเชิงบวกกับหลายประเทศที่เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ในการพึ่งพาวัตถุดิบจากจีนในระยะถัดไปสามารถควบคุมได้ด้วยมาตรการจัดการที่เด็ดขาดจากรัฐบาลจีน ”

ส่วนแนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์นั้น ในปัจจุบันลูกค้าหลักคือกลุ่มอุตสาหกรรม Consumer, Health Care และ E-Commerce ได้รับประโยชน์โดยตรงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่งผลให้ความต้องการใช้พื้นที่เช่าคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้ามีมากขึ้น ทำให้บริษัทฯ ยังคงเป้าพื้นที่เช่าคลังสินค้าในปี 2563 เพิ่มขึ้น 2 แสนตารางเมตร ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีพื้นที่ทั้งสิ้น 2.6 ล้านตารางเมตร

ขณะที่ธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค จะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในช่วงครึ่งปีหลัง และจากการ ที่ WHAUP ได้ลงทุนด้านน้ำประปาที่เวียดนาม ทำให้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายการเติบโตจากธุรกิจน้ำในปี 2563 เพิ่มขึ้น 34% เป็น 147 ลูกบาศก์เมตรจากปีก่อนที่มีปริมาณการขายและให้บริการน้ำ 110 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้ายังคงเดินหน้าตามแผนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 6% เป็น 591 เมกะวัตต์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ