บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI) ฝ่าวิกฤติไวรัสโควิด-19ระบาด คว้างานใหม่เพิ่ม 2อุตสาหกรรม ในโครงการ CRSIP Pipe Spool ของอุตสาหกรรมน้ำมัน และปิโตรเคมี และโครงการ Modular Packages Skids for Gas Turbine ในอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า มูลค่ารวมกันกว่า 750 ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่เดือน เมษายน 2563 - กรกฎาคม 2564 ด้าน" หยัง เจิน ลี " ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า มั่นใจหนุนผลงานปีนี้เติบโตโดดเด่นจากปีที่แล้ว ขณะที่backlog พุ่งแตะระดับ 4,700 ล้านบาท สูงสุดในรอบ5ปี
นายหยัง เจิน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI เปิดเผยว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก จากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19แต่บริษัทฯ ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าให้ดำเนินโครงการใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับงานใหม่จำนวน 2โครงการ ประกอบด้วย โครงการ CRSIP Pipe Spool ในอุตสาหกรรมน้ำมัน และปิโตรเคมี ซึ่งเป็นงานในส่วนที่เพิ่มเติมโครงการเดิมที่กำลังอยู่ หลังจากที่ลูกค้าพึงพอใจกับงานที่ทำอยู่ ณ ปัจจุบัน จึงทำให้บริษัทฯ ได้รับงานเพิ่มเติมจากโครงการดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับงานในโครงการModular Packages Skids for Gas Turbine ในอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า จากลูกค้ารายใหม่ ที่มองหาบริษัทแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กที่มีความสามารถและประสบการณ์ในการทำงานในอุตสาหกรรมที่หลากหลายทั้งอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ เหมืองแร่ ปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า ซึ่งที่ผ่านมานั้น บริษัทฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บริษัทฯ มีคุณสมบัติตามที่ลูกค้ารายนี้มองหา จึงทำให้ได้รับความไว้วางใจในการดำเนินโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้ ลูกค้ารายใหม่ ยังต้องการมองหาบริษัทแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กที่สามารถเป็นคู่ค้ากันในระยะยาว ดังนั้น จึงเชื่อว่า บริษัทฯ มีโอกาสสูงที่จะได้รับงานเพิ่มเติมจากลูกค้ารายนี้ในอนาคต
โดยระยะเวลาในการดำเนินโครงการทั้ง 2 โครงการดังกล่าว มีระยะเวลาก่อสร้างตั้งแต่เดือนเมษายน 2563ถึง กรกฎาคม 2564ซึ่งจะช่วยทำให้บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี2563-2564
"การที่บริษัทฯ ได้รับงานเพิ่มท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าลูกค้ามีความเชื่อมั่น และไว้วางใจบริษัทฯ จนทำให้ปัจจุบัน ปริมาณงานในมือรอรับรู้รายได้ (backlog) เพิ่มมาอยู่ที่ 4,700 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5ปี โดยบริษัทฯ คาดว่าผลประกอบการในปี 2563จะฟื้นตัวอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปีที่แล้ว รวมทั้งบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานใหม่ มูลค่า 16,000ล้านบาท ขณะที่วิกฤติไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดนั้น ทำให้ผู้พัฒนาโครงการจำนวนมากได้มองหา บริษัทแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กที่อยู่นอกประเทศจีน ที่อาจมีความเสี่ยงการเกิดโรคระบาดอีก สถานการณ์ดังกล่าว คาดว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสให้แก่บริษัทฯ ในการเข้าไปรับงานมากขึ้นในปีหน้า”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวไว้