ECF ประเมินไตรมาสแรก ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในประเทศชะลอเล็กน้อย ตลาดส่งออกเติบโต ขณะที่ธุรกิจพลังงานแนวโน้มดี

พุธ ๑๕ เมษายน ๒๐๒๐ ๑๕:๓๖
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจช่วงไตรมาส 1/2563 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ตลาดในประเทศ ได้รับผลกระทบระยะสั้นจากลูกค้ากลุ่มโมเดิร์นเทรดที่ต้องปิดสาขาชั่วคราวตามคำสั่งรัฐ การปรับกลยุทธ์ของบริษัทในขณะนี้ คือ พัฒนารูปแบบสินค้าเฟอร์นิเจอร์เพื่อเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานให้มากขึ้น อาทิ การเพิ่มปลั๊กไฟ หรือช่องเสียบ USB สำหรับโต๊ะรับประทานอาหาร โต๊ะประชุม ชั้นวางของแบบฝังลำโพง เป็นต้น เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีความจำเป็นต้องอยู่บ้าน และทำงานจากที่บ้าน (Work from home) มากขึ้น

รวมถึงการเพิ่มจำนวนสินค้าเพื่อเสนอขายผ่านช่องทางออนไลน์ www.elegathai.com และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ ให้มากขึ้นจากเดิม ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ประชาชนจะใช้เวลาอยู่กับบ้านเพื่อสั่งซื้อสินค้าออนไลน์แทนการออกไปจับจ่ายใช้สอยนอกบ้าน ซึ่งช่วงที่ผ่านมาแนวโน้มยอดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ตลาดต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่อย่างใดและยังนับเป็นโอกาสที่กลุ่มลูกค้าต่างประเทศ เริ่มตระหนักถึงการลดการพึ่งพาโรงงานผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์เพียงรายใดรายหนึ่ง ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าที่มีการสั่งผลิตในประเทศมาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นคู่แข่งที่สำคัญของไทยเริ่มมีการติดต่อเข้ามาเพื่อขอให้เสนอราคาสินค้ามากขึ้น ซึ่งหากการเจรจาซื้อขายเป็นผลสำเร็จ ก็จะช่วยเปิดโอกาสให้บริษัทมีลูกค้ารายใหม่จากต่างประเทศ

อย่างไรก็ตามออร์เดอร์สินค้าจากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหม่ที่เริ่มสั่งซื้อกับบริษัทมีการหยุดชะงักชั่วคราว เนื่องจากการปิดประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ เพราะมีสัดส่วนการสั่งซื้อในปริมาณไม่มาก คาดว่าหากอินเดียเริ่มเปิดประเทศได้อีกครั้ง โอกาสในการสั่งซื้อสินค้าก็จะเริ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนมีแนวโน้มที่ดีเนื่องจากเริ่มรับรู้รายได้ในเชิงพาณิชย์แล้ว โดยในปีนี้ คาดว่าจะเห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมารับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลภาคใต้ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW มินบู ประเทศเมียนมาร์ ในช่วงเริ่มต้นของการจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ของเฟสที่ 1 ขนาด 50 เมกะวัตต์แรก ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. 62 สามารถรับรู้รายได้ค่าไฟฟ้าโดยเฉลี่ยมากกว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งในส่วนการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่เมียนมาร์ บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 20 ซึ่งจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาที่งบการเงิน ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะเริ่มการก่อสร้าง เฟสที่ 2 ภายในไตรมาสที่ 2 นี้ อีกทั้งจะเน้นการบริหารจัดการเพื่อให้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งหากครบทั้ง 4 เฟส บริษัทคาดการณ์รับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 80 – 100 ล้านบาทต่อปี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ