โดยล่าสุด สถาบันจัดอันดับเครดิตทางการเงินระดับโลก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) ได้ประกาศอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ โดยคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (Insurer Financial Strength : IFS) อยู่ที่ระดับ A- (ระดับแข็งแกร่ง) และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS) อยู่ที่ระดับ AAA(tha) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งถือเป็นอันดับเครดิตสูงที่สุดในภาคธุรกิจไทย
ฟิทช์ เรทติ้งส์ประเมินว่า ไทยประกันชีวิตมีโครงสร้างเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง สะท้อนจากสัดส่วนเงินกองทุน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2562 ระดับเงินกองทุนอยู่ที่ 409% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ที่ 140% ขณะที่ผลประเมินระดับความแข็งแกร่งในด้านเงินกองทุนประมาณการตามแบบจำลองของ Prism Factor-Based Capital Model (Prism FBM) ของฟิทช์ฯ พบว่าอยู่ในระดับ “แข็งแกร่ง” (Strong) เนื่องจากระดับความเสี่ยงด้านสินทรัพย์และการรับประกันภัยของบริษัทฯ มีความสมเหตุสมผล และเชื่อว่าบริษัทฯ จะสามารถรักษาฐานะของเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งได้ต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันไทยประกันชีวิตมีฐานะทางการเงินที่แข็งแรง ภายใต้โครงสร้างธุรกิจที่เข้มแข็ง โดยบริษัทฯ มุ่งเสริมศักยภาพตัวแทนที่มีอยู่มากกว่า 70,000 คน ให้ทำงานอย่างมืออาชีพ ด้วยการเป็น Life Partner และ Financial Partner ทำหน้าที่เป็นผู้วางแผนทั้งด้านการคุ้มครองชีวิต การเงิน และการลงทุนให้กับผู้เอาประกัน การพัฒนาสินค้ากลุ่ม Life Solutions Product ที่มีความหลากหลาย และตอบความต้องการของผู้บริโภคครอบคลุมในทุกช่วงชีวิต รวมถึงมีช่องทางกาขยายตลาดผ่านช่องทางอื่นควบคู่ อาทิ การขายผ่านธนาคาร (Bancassurance) การขายตรงผ่านโทรศัพท์ (Telesales) และการขายผ่านออนไลน์ (E-Commerce)
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการพิจารณาอันดับเครดิตของฟิชท์ฯ คือ นโยบายการลงทุนของบริษัทฯ ที่รอบคอบและระมัดระวัง โดยไทยประกันชีวิตมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาลและเอกชนที่มีคุณภาพดีเป็นหลัก รวม 79% ของมูลค่าเงินลงทุนในตราสารหนี้รวม โดยช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนเพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ส่วนการลงทุนในตราสารทุนมีประมาณ 12% ของมูลค่าเงินลงทุนรวม ส่งผลให้ระดับเงินกองทุนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงอยู่ในระดับน่าพอใจ
นอกจากนี้ ไทยประกันชีวิตมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและท้าทาย การแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง รวมถึงการเปลี่ยนของพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ หรือ Digital Disruption โดยอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อทรัพย์สิน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2562 เฉลี่ยที่ 1.9% สะท้อนการดำเนินงานที่แข็งแรงตามเกณฑ์ของฟิชท์ ที่สำคัญ ไทยประกันชีวิตมีพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ คือ บริษัท เมจิยาสุดะ ไลฟ์ อินชัวรันส์ จำกัด บริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น และบริษัท CB Life Insurance จำกัด สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ที่มีส่วนสนับสนุนด้านการดำเนินงาน และเพิ่มโอกาสทางการตลาดในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น
“บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อความมั่นคงทางการเงิน โดยดำเนินนโยบายการบริหารและจัดการการลงทุนอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้เอาประกันตามสัญญากรมธรรม์ และรักษาระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูง รวมถึงสร้างอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันรับอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความไว้วางใจและความเชื่อมั่นแก่ผู้เอาประกัน ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในภาวะต่างๆ” นางวรางค์กล่าว