ภารกิจที่สำคัญคือการระดมสรรพกำลังความเชี่ยวชาญทางวิศวกรรมและเทคโนโลยีให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติงานแก่บุคลากรทางการแพทย์ ในด้านงานวิจัย
พัฒนา จัดหา และผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอ รวมถึงการจัดหาแอลกอฮอล์เพื่อสนับสนุนหน่วยงานด้านสาธารณสุขอย่างเร่งด่วน
โดยมีงานสำคัญเร่งด่วน อาทิ การสนับสนุนเสื้อกาวน์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
ซึ่งผลิตจากเม็ดพลาสติกของกลุ่ม ปตท.
พร้อมมอบผ้าสปันบอนด์เคลือบสารกันน้ำและสารคัดหลั่ง
สำหรับผลิตเป็นชุดป้องกันส่วนบุคคล PPE การผลิตหมวกอัดอากาศความดันบวก
PAPR
การผลิตเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อ
การพัฒนาห้องตรวจวินิจฉัยโรคแบบป้องกันเชื้อ การผลิตกล่องป้องกันเชื้อฟุ้งกระจาย
สำหรับกระทำหัตถการของบุคลากรทางการแพทย์ การผลิตและสนับสนุน Face
Shield และการร่วมสนับสนุนของภาคีเครือข่าย อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมกับ
สถาบันวิทยสิริเมธี ในการวิจัยพัฒนาชุดตรวจเชื้อ COVID-19
ที่มีประสิทธิภาพสูงแบบการตรวจจับสารทางพันธุกรรม ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวเหล่านี้ได้ทยอยส่งมอบให้หน่วยงานสาธารณสุข
โรงพยาบาลที่ขาดแคลน รวมถึงในพื้นที่ตั้งสถานประกอบการทั่วประเทศ อย่างต่อเนื่อง และบางส่วนอยู่ระหว่างการดำเนินงานและจะทยอยส่งมอบต่อไป
รวมไปถึงการเร่งจัดหาแอลกอฮอล์โดยทันที หลังจากกรมสรรพสามิตผ่อนผันให้โรงงานผลิตเอทานอลเพื่อจำหน่ายเป็นเชื้อเพลิง
สามารถจำหน่ายเป็นแอลกอฮอล์เพื่อทำความสะอาดได้ ปตท. ถึงแม้ไม่มีโรงเอทานอลเป็นของตนเอง
ก็ได้เร่งจัดหาแอลกอฮอล์ เพื่อมอบให้แก่หน่วยงานทางการแพทย์และโรงพยาบาลกว่า 170 แห่ง ทั่วประเทศ
ได้แก่ หน่วยงานทางการแพทย์สังกัดกระทรวงสาธารณสุข วิทยาลัยแพทย์ รวมถึงโรงพยาบาลภายใต้สังกัดกองทัพบก
กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ซึ่งบางแห่งได้เปิดเป็นโรงพยาบาลสนาม อีกด้วย นอกจากนี้ยังได้ทำการกระจายสู่ประชาชนอย่างทั่วถึงผ่านการแจกฟรีในรูปแบบแอลกอฮอล์เจล
และจัดหาแอลกอออล์ทำความสะอาดมาจำหน่ายในราคาต้นทุน ผ่านบริษัท ปตท.
น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ณ สถานีบริการน้ำมัน พร้อมมอบแก่โรงพยาบาลในพื้นที่สถานประกอบการทั่วประเทศ
รวมการจัดหาและส่งมอบแอลกอฮอล์ของกลุ่ม ปตท. ทั้งสิ้นกว่า 160,000 ลิตร และล่าสุด ปตท. ยังได้จัดหาแอลกอฮอล์ทางการแพทย์เพิ่มเติม
สำหรับสนับสนุนโครงการพลังงานร่วมใจสู้ภัยโควิด-19
ร่วมกับกระทรวงพลังงานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
เพื่อเข้าถึงประชาชนในท้องถิ่น ผ่านโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
และสถานบริการสาธารณสุขชุมชนกว่า 9,863 แห่ง ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังรวมถึงการสนับสนุนเงินบริจาคเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์
ยา เวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และส่งมอบหน้ากากอนามัยจากผ้าเพื่อดูแลผู้สูงอายุ
ในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุทั่วประเทศ เพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
ที่ผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
นอกจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นเร่งด่วนแล้ว
กลุ่ม ปตท. ยังอยู่ระหว่างพัฒนาอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นต่อการสนับสนุนภารกิจของบุคลากรทางการแพทย์และดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานดังกล่าว
สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี กลุ่ม ปตท. จึงตั้ง “คณะกรรมการกิจการเพื่อสังคม กลุ่ม
ปตท. เพื่อสู้ภัย COVID-19” เพื่อผลักดันการดำเนินงานสำคัญครั้งนี้
เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นและร่วมกันดำเนินภารกิจ
ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติจริง สามารถเห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป อีกทั้ง ปตท.
ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ผ่านการลดราคาขายปลีกเอ็นจีวี (NGV) ให้กับกลุ่มรถโดยสารสาธารณะที่มีบัตรส่วนลดในอัตรา 3 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ราคาขายปลีกกลุ่มรถโดยสารสาธารณะอยู่ที่
10.62 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่น) เป็นระยะเวลา 3 เดือน
ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 30 มิถุนายน 2563 และคงราคา NGV
สำหรับรถทั่วไปไว้ที่ 15.31 บาท/กก.ตั้งแต่ 16 มีนาคม – 15 สิงหาคม
2563
“อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ปตท. ยังคงมีภารกิจสำคัญคือ การดูแลความมั่นคงทางพลังงาน เพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนจะมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอในช่วงเวลาวิกฤต โดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลควบคุมระบบที่เกี่ยวข้องกับก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงหลักที่นำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นสารตั้งต้นของอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี เป็นเชื้อเพลิงในยานยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่ง กลุ่ม ปตท. ขอเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญของประเทศ ที่จะร่วมสนับสนุนในการแก้ปัญหาและก้าวผ่านเหตุการณ์นี้ไปพร้อมกับคนไทยทุกคน” นายชาญศิลป์ กล่าว
“กลุ่ม ปตท. พร้อมเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน #สานพลังใจWeFightTogether”