นางสาวณญาดา วรรณวิไชย ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาด เดอะ คอฟฟี่ คลับ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมา ตลาดเครื่องดื่มเฉพาะชาและกาแฟในประเทศไทย มีการขยายตัว และเติบโตเพิ่มขึ้น 7% นับว่าสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 5 ปี ดันมูลค่าตลาดเครื่องดื่มชาและกาแฟในประเทศไทยสูงถึง 23,720 ล้านบาท แบ่งตามสัดส่วน ร้านแฟรนไซส์ (Chained Outlet) 21,579.2 ล้านบาท หรือ 90.9% ของยอดรวม และร้านแบรนด์อิสระ (Independent Outlet) 2,148 ล้านบาท หรือ 9.1% ของยอดรวม โดยคาดว่าภายในปี พ.ศ. 2566 ตลาดเครื่องดื่มเฉพาะชาและกาแฟในประเทศไทยจะมีการเติบโตสูงสุดที่ 9.5% ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมทั้งหมดอยู่ที่ 32,280.9 ล้านบาท
ในช่วงสถานการณ์ปกติ เดอะ คอฟฟี่ คลับ มียอดขายเครื่องดื่มอย่างเดี่ยว
(เฉพาะชาและกาแฟ) ผ่านช่องทางแบบนั่งทานที่ร้าน แบบซื้อกลับบ้าน และแบบเดลิเวอรี่ เป็นสัดส่วน
40% จากยอดขายรวม
จนกระทั่งมาในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 การจำหน่ายแบบช่องทางปกติถูกปรับเป็นซื้อกลับบ้านอย่างเดียว
และเดลิเวอรี่ ในสัดส่วน 80:20 เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์แบบทันท่วงที
เราเล็งเห็นช่องทาง และศักยภาพของตลาดเดลิเวอรี่ที่ยังสามารถเติบโต และขยายฐานลูกค้าไปได้อีกแม้ในวิกฤตการณ์ขณะนี้ การปรับตัวและปรับกลยุทธ์ธุรกิจจึงนับว่าเป็นสิ่งสำคัญและต้องทำในทันที จึงเกิดเป็นไอเดียการเปลี่ยนแพคเกจจิ้งสำหรับเครื่องดื่มกาแฟ และชาสกัดเย็น 5 รสยอดนิยม เป็นแบบใส่ถุงไนลอนแบบฟู้ดเกรด สามารถแช่เย็นช่องธรรมดาได้ 14 วัน และแช่ช่องฟรีส 90 วัน โดยที่ยังคงรสชาติสดใหม่ของเครื่องดื่ม ซึ่งสาขาในประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่นำร่องนำแบบถุงมาใช้ เพื่อรองรับตลาดเดลิเวอรี่โดยเฉพาะ และตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามเวลาและสถานการณ์ โดยจะเปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 22 เมษายนนี้ ผ่านช่องทางการสั่งออนไลน์ และแบบสั่งกลับบ้าน โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดจำหน่ายให้เติบโตขึ้นอีกเท่าตัว
สำหรับปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2562) เดอะ คอฟฟี่ คลับ ประเทศไทย มียอดจำหน่ายรวม 1 พันล้านบาท
เติบโตขึ้น 21 % จากปีก่อนหน้า โดยสัดส่วนของยอดจำหน่ายเครื่องดื่มอย่างเดียวอยู่ที่
43% (432 ล้านบาท)
เกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมด ดังนั้น การพลิกวิกฤตเป็น
โอกาสในครั้งนี้ โดยการเปลี่ยนแพคเกจจิ้งเป็นแบบถุงจึงนับว่าเป็นการอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ต่อยอดให้กับการสั่งสินค้าออนไลน์ และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับช่องทางเดลิเวอรี่ที่ขนส่งเครื่องดื่มได้ง่ายขึ้น ไกลขึ้น และเก็บได้นานขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายช่วงเปิดตัว คือ โปรโมชั่น 1 แถม 1 เมื่อสั่ง COLD BREW Project ผ่านทาง 1112 Delivery และแอพพลิเคชั่น เดอะ พิซซ่า คอมปะนี รวมถึงโปรโมชั่นอื่นๆ อีกมากมายกับเครือข่ายพันธมิตร เฉพาะ Grab
ปัจจุบัน
เดอะ คอฟฟี่ คลับ มีทั้งหมด 58 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 33 สาขา
และในต่างจังหวัด 25 สาขา
COLD BREW Project รุ่นถุงพร้อมดื่ม ประกอบด้วย
Cold Brew Coffee Original กาแฟดำสกัดเย็นสูตรดั้งเดิม
ได้รสชาติของกาแฟแบบนุ่มนวลYuzu Cold Brew Coffee กาแฟดำสกัดเย็นที่ผสานเข้ากับความหอมสดชื่นของเลมอนยูซุLychee Rose Tea
ชาสกัดเย็นสูตรพิเศษที่ให้ความหอมคลาสสิคจากกุหลาบตัดกับรสหวานหอมจากลิ้นจี่Yuzu Tea ชาสกัดเย็นหอมสดชื่นสูตรผสมเลมอนยูซุPeach Tea ชาพีชสกัดเย็นหอมหวานเป็นเอกลักษณ์เอาใจสาวกพีชเลิฟเวอร์
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.facebook.com/thecoffeeclubthailand