วิจัย สวรส. ผลักมาตรการรับยาที่ร้านยา ลดเสี่ยงโควิด ลดเวลารอรับยาในโรงพยาบาล

จันทร์ ๒๗ เมษายน ๒๐๒๐ ๐๙:๓๔
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดผลวงกว้างและทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งจากคนจำนวนมากที่เข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เช่น สถานที่แออัด รวมทั้งในโรงพยาบาลซึ่งนับเป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นจุดรองรับคัดกรองกลุ่มเสี่ยงและรักษาผู้ติดเชื้อ แต่ในขณะเดียวกันโรงพยาบาลยังเป็นสถานที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ คนเจ็บป่วยที่ยังต้องเดินทางเข้ารับบริการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้ทำการศึกษาวิจัย “ประเมินผลโครงการนำร่องให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านยาเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล” โดยให้ผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคทางจิตเวช และหอบหืดหรือโรคเรื้อรังที่ไม่มีความซับซ้อนในการดูแล สามารถรับยาที่ร้านยา และได้ขยายผลการใช้ประโยชน์ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อของ 4 กลุ่มผู้ป่วยดังกล่าว ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยในแต่ละโรงพยาบาล

ทั้งนี้ ข้อมูลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ณ วันที่ 1 มี.ค. 2563 มีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 108 โรงพยาบาล ร้านยา 889 แห่งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและต่างจังหวัด มีจำนวนผู้ป่วยที่ไปรับยาที่ร้านยาทั้งหมด 4,552 คน โดยโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยไปรับยาที่ร้านยาสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ 2) รพ.ลำพูน 3) รพ.ชลบุรี 4) รพ.พระนั่งเกล้า 5) รพ.ขอนแก่น ซึ่งผู้ป่วยใน 4 กลุ่มโรคดังกล่าว ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ทุกครั้ง และต้องไปรับยาหลังจากได้รับใบสั่งยาจากแพทย์แล้วไม่เกิน 7 วัน

ดร.ภญ.นพคุณ ธรรมธัชอารี ผู้จัดการงานวิจัย สวรส. กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของทุกงานวิจัยของ สวรส. คือ การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาและแก้ปัญหาต่างๆ ในระบบสุขภาพ ซึ่งงานวิจัย “การประเมินผลโครงการนำร่องให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านยาเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล” เป็นหนึ่งในงานวิจัยของ สวรส. ที่ร่วมกับทีมวิจัยจากโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) ศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้อง โดยผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่า ร้านยามีศักยภาพและมีส่วนสำคัญในการดูแลประชาชนท่ามกลางการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยสามารถลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลให้ยังสามารถรับยาและมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง ในด้านความพึงพอใจต่อบริการที่ร้านยา ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีความพึงพอใจ เนื่องจากการรับยาที่ร้านยาไม่ต้องรอคิวนาน คนไม่มาก มีความสะดวกในการเดินทาง มีความยืดหยุ่นของเวลาในการรับยาที่ร้านยา และมีเวลาปรึกษาเภสัชกรมากขึ้น

ทั้งนี้ ทีมวิจัยร่วมกับคณะกรรมการวิเคราะห์ข้อเสนอทางเลือกเชิงนโยบายและติดตามผลการดำเนินการนโยบายให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านยาเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล ได้มีข้อเสนอเชิงนโยบายสำคัญจากข้อมูลวิจัยเชิงประจักษ์ที่พบ เพื่อสนับสนุนมาตรการ social distancing ในสถานการณ์การระบาดโควิด-19 อาทิเช่น รูปแบบการรับยาที่ร้านยาควรเป็นแบบ refill-prescription โดยผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่โรงพยาบาลประเมินว่าเหมาะสม ไม่ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ก่อนจะไปรับยาที่ร้านยา เนื่องจากเป็นทางเลือกที่ช่วยลดจำนวนผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาล และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของผู้ป่วยสูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยต้องมีการดูแลด้านคุณภาพบริการและความปลอดภัยในการใช้ยาของผู้ป่วยโดยเภสัชกรที่ร้านยา, สปสช. ควรพิจารณาเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลที่ต้องการเข้าร่วมโครงการฯ และ สปสช. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ควรสนับสนุนให้เกิดการจัดทำระบบข้อมูล (minimum dataset) ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานของผู้ป่วยที่สามารถแลกเปลี่ยนระหว่างโรงพยาบาล และร้านยา เพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้สามารถใช้ “โมเดล” ของโรงพยาบาลสระบุรีเป็นตัวอย่างในการเรียนรู้ได้ ฯลฯ

ข้อเสนอจากงานวิจัยดังกล่าว ได้ถูกนำเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติให้เพิ่มการเข้าถึงบริการด้านยา เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลช่วงสถานการณ์ระบาดโควิด-19 และขยายจำนวนร้านยาในโครงการรับยาใกล้บ้าน ทั้งในและนอกพื้นที่หน่วยบริการ พร้อมให้โรงพยาบาลเพิ่มเติมระบบจัดสำรองยาที่ร้านยาและระบบเติมยาของผู้ป่วยที่ร้านยา โดยคาดว่าจะสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้โอกาสนี้ในการปรับระบบการให้บริการเพื่อช่วยแก้ปัญหาลดการแพร่ระบาดโควิด-19 ตลอดจนเพื่อการพัฒนาระบบบริการในระยะยาวต่อไป ทั้งนี้มติดังกล่าวเร่งขับเคลื่อนให้เกิดผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม โครงการฯ ดังกล่าวไม่ได้เน้นเฉพาะการลดความแออัดในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่เน้นสิ่งที่จะเกิดประโยชน์กับผู้ป่วยเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ลดเวลาการรอรับยาและการเดินทาง ความสะดวก ตลอดจนผู้ป่วยมีเวลาปรึกษากับเภสัชกรที่ร้านยามากขึ้น โดยบริการที่ได้รับจากเภสัชกรไม่แตกต่างกับโรงพยาบาล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๒๔ แจกจริง! แบรนด์ซุปไก่สกัดส่งมอบรถเทสล่า มูลค่า 1.649 ล้านบาท ให้ผู้โชคดี ในแคมเปญ ดื่มแบรนด์ สแกนเลขในขวด ปี
๑๓:๕๐ GFC ตอบโจทย์ทุกความปลอดภัยเรื่องอาคาร - ถังแช่แข็งตัวอ่อน เปิดให้บริการสำหรับผู้มีบุตรยากตามปกติครบ 3
๑๓:๕๗ KJL ลุยภาคใต้! จัดใหญ่สัมมนา 'รวมพลคนไฟฟ้า ON TOUR' ที่ภูเก็ต
๑๒:๐๐ แว่นท็อปเจริญ จับมือ กรมกำลังพลทหารบก แนะแนวการศึกษาและอาชีพ สร้างโอกาสแก่ทหารกองประจำการและครอบครัว
๐๒ เม.ย. AnyMind Group คว้ารางวัล Gold ในงาน Martech Innovation Awards 2025
๐๒ เม.ย. โชว์พลังดีไซน์ไทยในงาน STYLE Bangkok 2025 รวมแบรนด์ดาวรุ่งจาก Talent Thai และ Designers' Room ที่คุณไม่ควรพลาด
๐๒ เม.ย. ธนาคารกสิกรไทย จัดสัมมนาใหญ่ K WEALTH Forum: เจาะลึก 5 ปัจจัยเปลี่ยนเกมการลงทุนโลก
๐๒ เม.ย. PSP ปิดดีลทุ่ม 409.5 ลบ. ถือหุ้นใน รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง (RE) ปักหมุดธุรกิจสู่ศูนย์กลางรีไซเคิลสารเคมีแห่งภูมิภาค
๐๒ เม.ย. กลุ่มซีไอเอ็มบี เปิดรับสมัครสอบชิงทุน CIMB ASEAN Scholarship 2025 ทุนเรียนต่อปริญญาตรี - ปริญญาโท พร้อมโอกาสร่วมงานกับกลุ่มซีไอเอ็มบี
๐๒ เม.ย. ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค เปิดพิกัดจุดสรงน้ำพระ เสริมสิริมงคลกับเทศกาล สงกรานต์อิ่มบุญ