นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้ดำเนินมาตรการการคัดกรอง เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในผู้เดินทางมายังด่านพรมแดนสะเดา ตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานคัดกรอง รวมไปถึงการจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ เครื่องวัดอุณหภูมิกาย เทอร์โมสแกนที่มีประสิทธิภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา มาตรการคัดกรอง เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้เดินทางทุกคนจะต้องผ่านจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิกาย ประเมินอาการ จัดที่นั่งพักสำหรับคนมีไข้ กรณีมีไข้จะได้รับการตรวจเพิ่มเติมจากแพทย์ รวมทั้งผ่านจุดกรอกประวัติเบื้องต้น ผ่านเครื่องเทอร์โมสแกนในอาคารอีกครั้ง สำหรับคนที่มีอาการปกติจะถูกส่งไปกักตัวในสถานที่ของแต่ละจังหวัดตามภูมิลำเนา โดยจะมีรถที่ราชการจัดให้บริการรับส่งถึงที่พัก ขณะอยู่ในที่พักผู้กักตัวทุกคนจะอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ มีการติดตามอุณหภูมิและอาการในระหว่างการกักตัว รวมถึงการวางแผนส่งกลับหลังกักตัวครบ 14 วัน ส่วนคนที่มีอาการผิดปกติ จะดำเนินการตามแนวทางที่กำหนดต่อไป
นายแพทย์เฉลิมพล กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ด่านพรมแดนสะเดา จังหวัดสงขลา ได้ประกาศปิด ด่านชั่วคราวเป็นเวลา 7 วัน (ตั้งแต่วันที่ 23-29 เม.ย. 2563) สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา ร่วมกับด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ (ด่านศุลกากรสะเดา, เทศบาลตำบลสำนักขาม, อำเภอสะเดา, สำนักงานสาธารณสุขอำเภอสะเดา ฯลฯ) ดำเนินการทำความสะอาดฆ่าเชื้อทั้งภายในอาคาร จุดเสี่ยง จุดสัมผัสร่วม ได้แก่ ลูกบิดประตู ราวบันได ก๊อกน้ำ ชักโครก เครื่องสแกนลายนิ้วมือ เครื่องสแกนพาสปอร์ต เครื่องสแกนใบหน้า พื้นห้อง พื้นที่ทางเดิน และทำความสะอาดฆ่าเชื้อลานจอดรถบรรทุกและพื้นที่โดยรอบอาคาร ตามมาตรฐานวิชาการ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมรับการเปิดด่านอีกครั้งในวันที่ 30 เมษายน 2563 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงการเปิดด่าน
ขอเน้นย้ำพี่น้องประชาชน ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ได้โดยการเว้นระยะห่างกัน 1 - 2 เมตร กินร้อน ใช้ช้อนกลางตัวเอง สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หลีกเลี่ยงการสัมผัสในจุดที่ใช้ร่วมกัน การล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ หรือล้างด้วยเจลแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการนำมือมาสัมผัสปาก จมูก และตา หมั่นทำความสะอาดพื้นผิวด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือแอลกอฮอล์ 70% ในจุดสัมผัสร่วมกันหรือพื้นที่สาธารณะอย่างสม่ำเสมอ หากมีข้อสงสัยติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน กรมควบคุมโรค 1422