“สุวิทย์” เสนอกระบวนทัศน์ 7 ขยับปรับเปลี่ยนโลกสู่วาระขับเคลื่อนประเทศ ชี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ถูกบรรจุไว้ในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมานานแล้ว

พฤหัส ๓๐ เมษายน ๒๐๒๐ ๑๐:๒๒
ด้าน สอวช. ชูธงนำนโยบายเชิงสังคมแก้วิกฤต สร้างสมดุลอย่างยั่งยืน ย้ำต้องปลูกฝังตั้งแต่ครอบครัว

ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นภาพอนาคตประเทศไทยหลังวิกฤตโควิด

19 ผ่านการประชุมออนไลน์ นำเสนอเปเปอร์ “โลกเปลี่ยน คนปรับ ความพอเพียงในโลกหลังโควิด”

โดยมีผู้เข้าประชุมจากหลายภาคส่วน ทั้งเครือข่ายนักวิจัย ภาคสังคม มหาวิทยาลัย

ภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อสารมวลชน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว.

ได้แลกเปลี่ยนถึงบทความในหนังสือเรื่อง “โลกเปลี่ยน คนปรับ

ความพอเพียงในโลกหลังโควิด” ที่ได้เขียนขึ้นมาด้วยตัวเอง โดยหยิบยกประเด็นความไม่สมดุลทั้งมนุษย์กับมนุษย์

และมนุษย์กับธรรมชาติ และข้อพึงระวังที่ต้องร่วมกันหลุดพ้นเพื่อจะนำพาประเทศและประชาคมโลกไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

ตลอดจนการเสนอทางออกของประเทศผ่านการปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาจาก “โลกที่มุ่งพัฒนาสู่ความทันสมัย”

(Modernism) เป็น “โลกที่มุ่งพัฒนาสู่ความยั่งยืน”

(Sustainism) ที่เน้นความคิดฐานรากแบบ “การผนึกกำลังร่วม”

แทนการยึดตนเองเป็นที่ตั้ง เพราะเชื่อว่าเมื่อความคิดฐานรากเปลี่ยน โครงสร้างเชิงระบบก็จะถูกปรับ

และความคิดฐานรากที่ถูกต้องภายใต้การผนึกกำลังกันจะทำให้เกิดการบูรณาการในระบบ เมื่อระบบต่าง

ๆ ถูกบูรณาการ โลกที่ไร้สมดุล ก็จะค่อย ๆ ถูกปรับเป็น โลกที่สมดุล อันจะนำมาสู่สันติสุขและความมั่นคง

ในขณะที่ความเสี่ยงและภัยคุกคามก็จะถูกลดทอนลง และโลกที่สมดุลนี่เองที่จะนำพาพวกเราไปสู่พลวัตความยั่งยืนแทนวิกฤตซ้ำซากและวิกฤตเชิงซ้อน

อย่างที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

ดร. สุวิทย์ กล่าวว่า ในมุมของตนเอง โควิด

19 เป็นตัวเร่งการปรับเปลี่ยน ก่อให้เกิดการขยับปรับเปลี่ยนโลก 7 ประการ คือ

ขยับที่ 1 จาก โมเดลตลาดเสรี สู่

โมเดลตลาดร่วมสร้างสรรค์ ขยับที่ 2 จากการผลิตและการบริโภคที่มุ่งเน้นการแข่งขันให้กับตน

สู่การผลิตและการบริโภคที่มุ่งเน้นการผนึกกำลังความร่วมมือ ขยับที่ 3 จากการมุ่งเน้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ สู่

การมุ่งเน้นที่ขับเคลื่อนที่สมดุล ขยับที่ 4 จากชีวิตที่ร่ำรวยทางวัตถุ

สู่ ชีวิตที่รุ่มรวยความสุข ขยับที่ 5 จากเศรษฐกิจเส้นตรง

สู่เศรษฐกิจหมุนเวียน ขยับที่ 6 จากระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

สู่การสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของมนุษย์ ขยับที่ 7 จากการตักตวงผลประโยชน์จากส่วนรวม สู่การรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม

“โควิด 19 นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งของมนุษยชาติ

อันที่จริงแล้ว “7 ขยับ ปรับเปลี่ยนโลก” ไม่ใช่เรื่องใหม่ ทุกขยับล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่บนหลักคิด

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ปัญหาคือพวกเราเพียงแค่ตระหนักรู้ แต่ไม่ได้ลงมือทำ

ในโลกหลังโควิด มนุษย์จะอยู่รอดได้ เราต้องลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ในโลกก่อนโควิด เรามองตัวเองเป็นเพียงพลเมืองของประเทศ มุ่งเน้นสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับองค์กร

ให้กับประเทศ แต่ ณ วันนี้ ในโลกหลังโควิด เราต้องร่วมกันฟื้นฟูโลกให้ดีขึ้น เราต้องเป็นทั้งพลเมืองของประเทศและเป็นพลเมืองของโลกในเวลาเดียวกัน

โดยผมมีแนวคิดในการเสนอวาระขับเคลื่อนประเทศ เตรียมพร้อมสู่โลกหลังโควิด

ผ่านการชูบีซีจี โมเดล เป็นคานงัดสำคัญให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของประเทศ

เมื่อบริบทโลกเปลี่ยนไป

ถึงเวลาที่ต้องทบทวนยุทธศาสตร์ประเทศว่ายังควรใช้แผนเดิมหรือไม่ นอกจากนี้

บริบทโลกในปัจจุบันการดิสรัปชั่นไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจเท่านั้น

แต่ยังมีการดิสรัปชั่นเรื่องความเสี่ยงและภัยคุกคาม

ที่ส่งผลกระทบทั้งต่อมิติเศรษฐกิจ ตลอดจนมิติทางสังคมของประเทศด้วย เพราะฉะนั้น

เราควรเร่งทบทวนเพื่อให้เกิดการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง ผ่านการปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาชุดใหม่ของประเทศ

ซึ่งผมเสนอเรื่อง 7 ขยับปรับเปลี่ยนโลก

และนำมาจัดทำเป็นพิมพ์เขียวยุทธศาสตร์ประเทศ

และนำสู่วาระขับเคลื่อนการปฏิรูปที่มุ่งผลลัพธ์การขับเคลื่อนที่สมดุล

ทั้งด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความอยู่ดีมีสุขของสังคม การรักษ์สิ่งแวดล้อม

และภูมิปัญญาของมนุษย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำมาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

ทั้งการเติบโตอย่างยั่งยืน การแบ่งปันความมั่นคง และการมีสันติภาพที่ถาวร” ดร.

สุวิทย์ กล่าว

ทั้งนี้

ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนกันอย่างกว้างขวาง โดย ดร. กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา

วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวอช.) ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า การแก้วิกฤตการณ์ต่างๆ

รวมถึงโควิด 19 จะแก้โดยใช้เพียงเทคโนโลยีอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแก้ด้วยการปลูกฝังจากภายในจากจิตวิญญาณ

โดยอาศัยนโยบายเชิงสังคมที่ต้องลงไปถึงหน่วยที่เล็กที่สุดในสังคมอย่างครอบครัว

ที่จะนำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนท่าทีหรือพฤติกรรมที่พึงประสงค์

โดยสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องสั่งสมตั้งแต่วัยเด็ก บ่มเพาะจนเกิดเป็นนิสัย

เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าสิ่งที่เราทำวันนี้ย่อมส่งผลต่อลูกหลานในอนาคต

เราจึงจำเป็นที่จะต้องปรับให้ถูกต้องแต่ต้น นโยบายต้องลงลึกถึงระดับครอบครัว

ซึ่งเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวช่วยแก้สิ่งที่คนได้รับการปลูกฝังไม่ได้

กระทรวงการอุดมศึกษา

ไม่ใช่แค่กระทรวงด้านวิทยาศาสตร์ แต่เรามีคณาจารย์

บุคลากรด้านการอุดมศึกษาที่มีศักยภาพทั้งด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ศิลปศาสตร์

และสาขาอื่นๆ

ที่จะมาช่วยบูรณาการความคิดแบบข้ามศาสตร์เพื่อมาร่วมหาแนวทางที่จะนำมาซึ่งความปกติสุขของประเทศหลังวิกฤตการณ์โควิด

นอกจากนี้ ในส่วนการทำนโยบายเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของประเทศ ก็ต้องปรับกระบวนทัศน์ใหม่

ต้องเน้นการสร้างแรงบันดาลใจ ไม่ใช่แค่เพียงการสนับสนุน ให้สิทธิประโยชน์เพื่อให้เกิดแรงจูงใจเท่านั้น

เพราะการสร้างแรงบันดาลใจจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมจากภายในที่จะส่งผลออกมายังพฤติกรรมมากกว่าการใส่ตัวเงินหรือผลประโยชน์”

ดร. กิติพงค์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ได้จากการประชุม จะนำไปพัฒนาบทความ “โลกเปลี่ยน

คนปรับ ความพอเพียงในโลกหลังโควิด” ให้สมบูรณ์ขึ้นเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะ และ

สอวช. จะใช้เป็นข้อมูลประกอบการพัฒนานโยบายและแผนการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์

วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๕๕ มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ส่งมอบอาคารโรงอาหารอายิโนะโมะโต๊ะ ให้แก่ โรงเรียนบ้านดอนมะกอก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
๐๙:๐๕ กทม. เข้มงวดโครงการก่อสร้างคอนโดฯ ในซอยสุขุมวิท 93 ปฏิบัติตามมาตรการ EIA
๐๙:๕๐ การเคหะแห่งชาติตั้งเป้าสร้างที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงอายุ
๐๙:๒๘ ทำอย่างไรจึงจะทำให้มีการใช้ generative AI มากขึ้น
๐๙:๔๐ NocNoc จับมือ กฟผ. ส่งความสุขปีใหม่ให้คนรักบ้าน มอบส่วนลดสินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 500 บาท เมื่อช้อปผ่าน NocNoc Chat Shop ทัก-ช้อป-ลด เริ่ม 25 ธ.ค. 67
๐๙:๑๔ Warrior ตั้ม ศุภกิตติ์ หรือ ตั้ม โทมัส ทอม จากทีมมาสเตอร์ ดร.อั้ม อธิชาติ คว้าชัย The Social Warrior คนแรกของประเทศไทย
๐๙:๑๘ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัด Pitching day การเขียนโฆษณา และ การเล่าเรื่องผ่านแคมเปญ
๐๙:๔๔ รมว.เอกนัฏ โชว์ ดีพร้อม หนุนซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่นไทย ในงาน ShowPow ต้อนรับปีใหม่ ส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่น
๐๙:๓๒ กรมส่งเสริมการเกษตร จับมือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) หารือแนวทางความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายใต้โครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (OTOD ทุเรียนดิจิทัล)
๐๙:๐๘ มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ส่งมอบอาคารโรงอาหารอายิโนะโมะโต๊ะ ภายใต้โครงการ อายิโนะโมะโต๊ะ โภชนาการเพื่อเด็กไทย