นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะ โฆษก กกพ. เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพิ่มเติม
“กกพ. ได้หารือร่วมกับสามการไฟฟ้า ประเมินผลกระทบ และภาระทางการเงิน สนับสนุนมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติม เป็นยอดเงินใกล้เคียงกับที่ได้เสนอให้ครม. มีมติรับทราบก่อนหน้านี้ และจะได้ร่วมกับสามการไฟฟ้าบริหารกระแสเงินสดให้เพียงพอกับการใช้เงินในช่วงเวลาดังกล่าว โดยยอดเงินที่ขาดเกินจากการใช้จริงจะถูกนำมาเกลี่ยรวมกับการกำกับฐานะการเงินและการกำกับแผนการลงทุนของทั้งสามการไฟฟ้าในปี 2563 เพิ่มเติม” นายคมกฤช กล่าว
ในการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2563 มีมติเห็นควรสนับสนุนการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพิ่มเติม หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กกพ. ได้ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) พิจารณาแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาสนับสนุนมาตรการดังกล่าว โดยจะมาจากเงินบริหารค่าไฟฟ้าที่รวบรวมได้จากการกำกับฐานะการเงิน เงินส่งคืนจากการลงทุนที่ไม่เป็นไปตามแผน เงินค่าปรับที่เกิดขึ้นจากการบริหารสัญญาของผู้ผลิตไฟฟฟ้าเอกชน ในช่วงปี 2557-2562 รวมทั้งเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามมาตรา 97 (1) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน
อย่างไรก็ตาม กกพ.ยังขอวิงวอนให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าเท่าที่จำเป็นเพื่อเป็นการช่วยประเทศชาติในการประหยัดทรัพยากรและเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการผลิตกระแสไฟฟ้า นายคมกฤช กล่าวทิ้งท้าย
เกี่ยวกับ กกพ.
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน องค์กรหลักในการกำกับดูแลกิจการพลังงานของชาติด้านกิจการไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมให้มีบริการอย่างมั่นคง และมีเสถียรภาพ ในราคาที่เหมาะสม โดยยึดมั่นในความยุติธรรม คุณธรรม และความโปร่งใส ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และพึ่งพากันอย่างยั่งยืน ระหว่างกิจการพลังงาน สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นตั้งใจพัฒนารากฐานพลังงานของประเทศ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต