ยูนิเซฟกระตุ้นทุกภาคส่วนเพิ่มความร่วมมือและความรวดเร็วในการช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่เดือดร้อนจากโควิด-19

พฤหัส ๓๐ เมษายน ๒๐๒๐ ๑๔:๔๔
แถลงการณ์ของนายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย

องค์การยูนิเซฟออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อความเป็นอยู่ของเด็กและครอบครัวโดยเฉพาะกลุ่มที่ยากจนและเปราะบางที่สุดซึ่งกำลังได้รับผลกระทบรุนแรงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากวิกฤตโควิด-19

นายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในแต่ละวัน ชีวิตของผู้คนจำนวนมากต้องพลิกผันและเผชิญกับความทุกข์และความสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนตกงานและพยายามเอาชีวิตให้รอดวันต่อวัน พ่อแม่จำนวนมากต้องดิ้นรนหาอาหารมาประทังชีวิตของลูก ๆ ความหวังในการมีอนาคตที่สดใสดูจะพร่าเลือนไปทุกที”

“ยูนิเซฟรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รู้ว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจจบชีวิตตนเองจากวิกฤตโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นแม่ที่ไม่สามารถหาอาหารมาให้ลูกทาน หรือพ่อที่หมดหนทางในการดูแลลูก

สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจอย่างที่สุด

โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาขาดโครงข่ายรองรับทางสังคมและไร้ที่พึ่งใด ๆ ในชีวิต”

“ยูนิเซฟระลึกถึงผู้สูญเสียเหล่านั้น มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่

ไม่ควรถูกปล่อยให้เผชิญกับความสิ้นหวังและเดียวดายอย่างไร้ที่พักพิงหรือคนพึ่งพา

ไม่ควรมีใครต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่แม้แต่ตนเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถซื้ออาหารและสิ่งจำเป็นอื่น

ๆ เพื่อประทังชีวิตต่อไปได้หรือไม่ แถลงการณ์นี้ตอกย้ำให้ทุกภาคส่วนเพิ่มความช่วยเหลือให้เข้าถึงเด็กทุกคนและทุกครอบครัวที่กำลังเดือดร้อน

และต้องดำเนินการให้เร็วขึ้นก่อนที่จะสายเกินไป”

“ยูนิเซฟและหน่วยงานสหประชาชาติต่าง

ๆ กำลังทำงานกับรัฐบาลไทยเพื่อยกระดับมาตรการความคุ้มครองทางสังคมเพื่อเข้าถึงประชากรที่เปราะบางที่สุด

วิธีหนึ่งที่จะเข้าถึงผู้คนซึ่งกำลังเดือดร้อนได้อย่างทันท่วงที

ก็คือ การเพิ่มเงินสนับสนุนในมาตรการทางสังคมที่มีอยู่แล้ว เช่น เงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงดูเด็กเล็ก

และเบี้ยคนพิการ ในขณะเดียวกัน การขยายมาตรการเหล่านี้ให้เป็นแบบถ้วนหน้า และการช่วยให้เด็กทุกคนเข้าถึงบริการทางสุขภาพและสังคมถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งในภาวะเช่นนี้

เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีเด็กคนใดตกหล่นจากความช่วยเหลือ”

“อย่างไรก็ตาม ยูนิเซฟตระหนักดีว่ามาตรการดังกล่าวอาจยังไม่สามารถเข้าถึงทุกครอบครัวที่กำลังเดือดร้อนได้ทันที

ในภาวะวิฤตเช่นนี้ เราจำเป็นต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจจากคนไทยและภาคธุรกิจไทยในการสร้างแนวทางการรับมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อเสริมความช่วยเหลือของรัฐบาลและอุดช่องว่างที่มีอยู่

ถึงเวลาแล้วที่ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน

จะต้องเข้มแข็งไปด้วยกันเพื่อให้ประชากรที่เปราะบางที่สุดได้รับความช่วยเหลือที่จำเป็นอย่างทันท่วงที”

“ยูนิเซฟเรียกร้องให้ประชาชนทุกคน

ภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และผู้มีชื่อเสียงในวงการต่าง ๆ เพิ่มความร่วมมือในการแบ่งปันทรัพยากร ความรู้และทักษะ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนที่ยากจนและเปราะบางที่สุดในสังคม

ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเท่านั้นที่จะช่วยให้ประเทศไทยฝ่าฟันวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุดครั้งนี้ไปได้

โดยไม่มีเด็กและผู้ใหญ่คนใดถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง”

ร่วมบริจาคผ่านองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เพื่อช่วยให้เด็กและครอบครัวต่อสู้กับวิกฤตโควิด-19 ผ่านช่องทางต่อไปนี้

ออนไลน์: http://www.unicef.or.th/th/covid19

โอนผ่านบัญชีธนาคาร: ธนาคารกรุงเทพ หมายเลขบัญชี 201-3-01324-4

กรุณาส่งข้อมูลติดต่อ (ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์) พร้อมใบสลิปมาที่ยูนิเซฟ โดยระบุ “โควิด-19” มาที่ [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ