จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้กระทบต่อปริมาณการส่งออก โดยเฉพาะตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐประชาชนจีน ตลาดภายในประเทศทั้งการท่องเที่ยว การจัดประชุม สัมมนา การจัดงานต่าง ๆ หยุดชะงัก ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรซึ่งผลผลิตล้นตลาด มีผลผลิตส่วนเกินเหลือทิ้ง และราคาผลผลิตลดลง สำหรับเกษตรกรได้มีการปรับตัวโดยปรับลดจำนวนการผลิตลง ชะลอการปลูกรอบใหม่ ไม้ตัดดอกลดจำนวนครั้งการตัดดอก รื้อแปลงปลูก/ตัดดอกทิ้ง การให้ผู้ซื้อมาเก็บผลผลิตด้วยตนเองที่แปลง ลดจำนวนครั้งในการใส่ปุ๋ยและฉีดพ่นสารเคมี เพื่อลดต้นทุนการผลิต ส่วนไม้ต้นชะลอการจำหน่าย และมีการขายตรงถึงผู้บริโภคด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การขายแบบออนไลน์ เป็นต้น
ทั้งนี้ สมาคม-สหกรณ์-สมาพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับกล้วยไม้ ไม้ดอกไม้ประดับให้ข้อมูลว่า ตลาดยังมีความต้องการอยู่ แต่เนื่องจากมาตรการ Lock down ทำให้การขนส่งทางรถ เครื่องบิน มีจำนวนเที่ยวลดลง ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้นกว่าช่วงปกติมาก ซึ่งการขนส่งทางรถไปจีน ต้องเปลี่ยนค่าคนขับ เปลี่ยนหัวลาก เปลี่ยนรถขน เมื่อข้ามประเทศตามมาตรการของแต่ละประเทศ ส่วนการขนส่งทางเครื่องบินมีเที่ยวบินลดลง พื้นที่ระวางสินค้ามีจำกัด รวมทั้งการปรับหลักเกณฑ์การคำนวณค่าระวางสินค้าทางอากาศ และการขนส่งภายในประเทศในพื้นที่ห่างไกลถูกจำกัดด้วยการประกาศ Lock down ระหว่างจังหวัด และการกำหนดช่วงเวลาเคอร์ฟิว
ดังนั้น คณะอนุกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ใน 2 มาตรการ ดังนี้ 1. มาตรการกระจายผลผลิต ประกอบด้วย 1) การกระจายผลผลิตผ่านเครือข่ายสหกรณ์ กรณีสหกรณ์ผู้ประกอบการเลี้ยงกล้วยไม้ ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์จะประชาสัมพันธ์ไปยังสหกรณ์ทั่วประเทศให้สั่งสินค้าในลักษณะ pre-order 2) เพิ่มช่องทางตลาดใหม่ โดยจำหน่ายตรงสู่ผู้บริโภค ได้แก่ การจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการโครงการส่งเสริมตลาดออนไลน์ ร่วมกับลาซาด้า กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมมือกับ 24 Shopping และไปรษณีย์ไทย จำหน่ายสินค้าเกษตรบนแพลตฟอร์ม รวมทั้งจัดทำเว็บไซต์ www.ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com และมอบหมายสำนักงานเกษตรจังหวัดทุกจังหวัดจัดหาสถานที่จำหน่าย โดยให้เกษตรกรนำสินค้ามาจำหน่ายเอง ณ บริเวณหน้าสำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัด ตลาดเกษตรกร เป็นต้น รวมทั้งประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรกรผ่านสื่อโซเชียล โดยมีหน่วยงานภาครัฐอำนวยความสะดวก การประสานงานเปิดรับ pre order สินค้ากล้วยไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ เป็นต้น
นอกจากนี้ จะเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามจังหวัดช่วงเคอร์ฟิว การขอความร่วมมือทุกหน่วยงานสนับสนุนสินค้าไทย เช่น ผลไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ อาหารไทย โดยมีหน่วยงานภาครัฐอำนวยความสะดวกในการกระจายสินค้า การลดต้นทุนค่าขนส่งทางเครื่องบิน เช่น การระวางเครื่องบินไปประเทศญี่ปุ่น ไม่เกิน ก.ก.ละ 65 บาท ปรับหลักเกณฑ์การคำนวณค่าระวางเครื่องบิน เป็นต้น 2. มาตรการทางการเงิน สนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี สำหรับสหกรณ์ผู้ประกอบการกล้วยไม้ไทย จำกัด ส่วนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำและสินเชื่อฉุกเฉินสำหรับผู้กู้ยืมใหม่ และปรับโครงสร้างหนี้ สนับสนุนสินเชื่อเสริมสภาพคล่องสำหรับลูกหนี้เดิม ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับสถาบันการเงินได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบหลายมาตรการอย่างต่อเนื่อง เช่น พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย พักชำระหนี้เงินต้น ลดดอกเบี้ย และขยายระยะเวลาชำระหนี้ เป็นต้น