บลจ.กสิกรไทย ส่ง 4 กองทุน SSF 4 สไตล์ แนะผู้ลงทุนคว้าโอกาสลดภาษีและทยอยลงทุนเพื่อเป้าหมายทำกำไรในระยะยาว

ศุกร์ ๐๘ พฤษภาคม ๒๐๒๐ ๑๑:๔๓
บลจ.กสิกรไทย ส่ง 4 กองทุนเพื่อการออม (SSF) ทั้งกองทุน K-FIXEDPLUS-SSF, K-STAR-SSF, K-GINCOME-SSF และ K-CHANGE-SSF ที่สอดรับกับ New Normal และเป้าหมายการออมระยะยาว

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า หลังจากที่บลจ.กสิกรไทย ได้เปิดเสนอขายกองทุนรวมเพื่อการออมแบบพิเศษ (Super Savings Fund Extra: SSFX) อย่างกองทุน K-SUPSTAR-SSFX ไปเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีผู้ลงทุนเป็นจำนวนมากให้ความสนใจลงทุน แม้ว่าตัวเลขภาพรวมทั้งอุตสาหกรรมยังไม่สูงมากนัก เหตุจากดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น และผู้ลงทุนยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์ COVID-19 แต่เชื่อว่าบรรยากาศการลงทุนจะกลับมาเป็นปกติในไม่ช้า ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ได้จัดตั้งกองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund: SSF) จำนวน 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ พลัส ชนิดเพื่อการออม (K-FIXEDPLUS-SSF) และกองทุนเปิดเค สตาร์ หุ้นทุน ชนิดเพื่อการออม (K-STAR-SSF) ซึ่งเปิดเสนอขายตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป สำหรับกองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม ชนิดเพื่อการออม (K-GINCOME-SSF) และกองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ หุ้นทุน ชนิดเพื่อการออม (K-CHANGE-SSF) จะเปิดเสนอขายตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป

นายวศินกล่าวต่อไปว่า สำหรับกองทุน SSF ทั้ง 4 กองทุนของ บลจ.กสิกรไทย เป็นการแบ่งชนิดหน่วยลงทุน (Share Class) จากกองทุนรวมเดิมที่มีการบริหารจัดการและผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในแต่ละประเภทสินทรัพย์ มีนโยบายการลงทุนที่ สามารถตอบโจทย์ New Normal ได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้ง 4 กองทุนสามารถนำมาผสมผสานเพื่อการจัดพอร์ตได้ตามความเหมาะสมของผู้ลงทุน โดยกองทุน K-FIXEDPLUS-SSF จะเน้นกระจายลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาวคุณภาพดีทั้งในและต่างประเทศ ผ่านกลยุทธ์การบริหารพอร์ตแบบเชิงรุก (Active Investment Management) เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มออมและรับความเสี่ยงและความผันผวนได้ต่ำ ในขณะที่กองทุน K-GINCOME-SSF เน้นกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลกกว่า 2,500 สินทรัพย์ และมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละประเภทสินทรัพย์ทำหน้าที่มุ่งหาโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายรับได้อย่างสม่ำเสมอ โดยกองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง

และสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ขอแนะนำกองทุน K-SUPSTAR-SSFX และ/หรือ K-STAR-SSF โดยทั้ง 2 กองทุนมีนโยบายการลงทุนที่เหมือนกัน คือ เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทชั้นนำของไทยที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว ผ่านกลยุทธ์จับจังหวะซื้อ-ขาย (Tactical Trading) เพื่อโอกาสทำกำไรในทุกช่วง ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นกลยุทธ์เดียวกันกับที่ใช้บริหารกองทุน K-STAR-A(R) กองทุนหุ้นไทยที่มีความโดดเด่นในเรื่องการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar ในประเภท Overall Rating (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 63) นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการทำกำไรจากการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ขอแนะนำกองทุน K-CHANGE-SSF ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่สร้างผลเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และมีอัตราการเติบโตสูง (Growth Stock) โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก Baillie Gifford Positive Change Fund - Class B accumulation (GBP) ที่ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar (ข้อมูล ณ 31 มี.ค. 63)

”สำหรับภาพรวมการลงทุนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องขานรับการคลายมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงธนาคารกลางของประเทศแกนหลักต่างยังคงดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย ในขณะที่นักลงทุนทั่วโลกยังคงมีความระมัดระวังในการลงทุนอยู่ อย่างไรก็ตาม ตลาดอาจได้รับแรงกดดันในระยะสั้นทำให้ยังผันผวนสูง และเคลื่อนไหวตามทิศทางของสถานการณ์ COVID-19 มาตรการเยียวยาที่ทยอยออกมา และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1 ปี 2563 โดยผู้ลงทุนยังคงต้องติดตามปัจจัยที่มีผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะถัดไป ซึ่งจะขึ้นกับความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดของแต่ละประเทศ ความสำเร็จในการค้นพบวัคซีน รวมถึงประสิทธิภาพของมาตรการเยียวยาที่แต่ละประเทศต่างเร่งออกมาใช้รวดเร็วกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก” นายวศินกล่าว

นายวศินกล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะที่เหมาะต่อการทยอยเข้าลงทุนในกองทุน SSFX และ SSF เพื่อโอกาสทำกำไรในระยะยาว รวมถึงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ระดับเสี่ยงได้สูง แนะนำให้ลงทุนในกองทุน SSFX ให้เต็มสิทธิ์ภายในวันที่ 30 มิ.ย. 63 เพื่อรับสิทธิ์พิเศษในการลดหย่อนภาษีเพิ่ม 200,000 บาท (ไม่รวมกับยอดลงทุนในกองทุน SSF) แล้วจึงค่อยกระจายการลงทุนมายังกองทุน SSF ซึ่งลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนต้องถือครองหน่วยลงทุนเป็นระยะเวลา 10 ปี นับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุน และ กำไรจากการขายคืนจะได้รับการยกเว้นภาษี หากผู้ลงทุนปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน SSFX และ SSF ของบลจ.กสิกรไทย สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่านแอป K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ลงทุนครบทุก 50,000 บาท รับ Cash Back 100 บาท (สูงสุด 400 บาท/ท่าน) ตั้งแต่วันนี้ - 30 มิถุนายน 2563 เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888

ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุน K-FIXEDPLUS-SSF ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ และลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก กองทุน K-GINCOME-SSF และกองทุน K-CHANGE-SSF ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือ ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ