บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (STARK) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2563 มีกำไรสุทธิ 260. 93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.36 ล้านบาท หรือ 109.46 % เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 124.57 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดของบริษัทฯ และมีรายได้ 3,023.7 ล้านบาท เติบโต 3,624.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 81.20 ล้านบาท
โดยสาเหตุหลักที่ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นมาจากการเข้าตลาดทางอ้อม( Backdoor Listing) และ การขยายตลาดสายไฟในต่างประเทศ รวมถึงการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสายไฟฟ้าในประเทศไทย
ทั้งนี้รายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ยังมิได้รวมผลประกอบการของบริษัทสายไฟที่ประเทศเวียดนาม จำนวน 2 บริษัท และบริษัท ไทยเคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล ( TCI) ที่ปิดดีลปลายเดือนมี.ค.และต้นเม.ย.ที่ผ่านมา
นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น ( STARK ) กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ยังมีทิศทางที่เติบโตต่อเนื่อง และคาดว่าดีกว่าไตรมาส 1 จากการรับรู้รายได้การซื้อกิจการสายไฟฟ้าเวียดนาม และ TCI รวมทั้งรับรู้รายได้มูลค่า 4,330 ล้านบาท ของบริษัท อดิสร ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ตั้งแต่ไตรมาส 2/2563 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ STARK ยังเดินหน้าซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อขยายธุรกิจของ STARK ให้แข็งแกร่ง โดยเล็งเห็นว่า ช่วงเศรษฐกิจในปัจจุบัน เป็นโอกาสของผู้ซื้อ สามารถเลือกซื้อของดี ราคาเหมาะสมได้มาก
นายชนินทร์ กล่าวว่า ธุรกิจที่ STARK สนใจและพุ่งเป้าคือ ธุรกิจสายไฟในประเทศกำลังพัฒนา รวมถึง ธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสายไฟ อาทิ หม้อแปลงและ แบตเตอรี่ (energy storage ) รวมถึงธุรกิจโครงข่ายสายไฟฟ้า ( electric grid) ในประเทศกำลังพัฒนาต่าง ๆ เนื่องจากเล็งเห็นว่า ประเทศดังกล่าว จำเป็นต้องขยายโครงข่ายไฟฟ้า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาประเทศ และ สายไฟฟ้าก็เป็นต้นทุนหลักในการขยายดังกล่าว และมีแผนเข้าซื้อธุรกิจขนส่ง ที่ส่งเสริมการขยายธุรกิจของอดิสรเพิ่มเติมอีกด้วย