นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) เปิดเผยว่า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บลจ.ทิสโก้เสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ไบโอเทคโนโลยี เฮลธ์แคร์ (TBIOTECH) ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) กองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) การวินิจฉัยโรค และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตทั่วโลก ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยเป็นกองทุนเฮลธ์แคร์ที่มีความแตกต่างเนื่องจากเน้นลงทุนในกลุ่มไบโอเทคโนโลยีทางการแพทย์ และยังสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนให้นักลงทุนได้อย่างโดดเด่น ขณะที่นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 (ตามข้อมูลของ บลจ.ทิสโก้ ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2563) กองทุนมีผลตอบแทนย้อนหลัง 35.94% เป็นอีกกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลก
ขณะที่หากเปรียบเทียบกับดัชนีชี้วัด (Benchmark) ของกองทุน TBIOTECH ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งคำนวนจากค่าเฉลี่ยระหว่างผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหลักปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อคำนวณผลตอบแทนให้อยู่ในรูปสกุลเงินบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2563 ในสัดส่วน 95% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี วงเงินน้อยกว่า 5 ล้านบาท เฉลี่ยของ 3 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ หลังหักภาษีในสัดส่วน 5% พบว่า ดัชนีชี้วัดมีผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ 35.56% ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
“จะเห็นได้ว่าการลงทุนในกลุ่มหุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ’ ไบโอเทคโนโลยีทางการแพทย์’ มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีแม้กระทั่งในช่วงเวลาที่มีปัจจัยลบรุมเร้า เพราะนอกจากเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเมกะเทรนด์ของโลกอย่างสังคมผู้สูงอายุ และแนวคิดการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่เกิดขึ้นทั่วโลกแล้ว ไบโอเทคโนโลยีการแพทย์ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางชีวภาพแห่งอนาคตยังได้รับประโยชน์โดยตรงจากความต้องการยา วัคซีน และผลิตภัณฑ์สำหรับป้องกันและรักษาโรคอุบัติใหม่ที่มีความรุนแรง ซับซ้อนและหายยากอีกด้วย เช่น โรคมะเร็ง ซาร์ส และไวรัส COVID-19 เป็นต้น จึงแนะนำให้นักลงทุนกระจายพอร์ตการลงทุนระยะยาวบางส่วนมาลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่น่าสนใจเช่นนี้” นายสาห์รัชกล่าว
นอกจากนี้ ราคาของหุ้นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพยังมีโอกาสที่เพิ่มขึ้นได้อีกจากปัจจัยบวกเรื่ององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) มีอัตราการอนุมัติให้ผู้ประกอบการสามารถวางจำหน่ายยาชนิดใหม่เพิ่มขึ้นโดยตลอด ส่งผลให้บริษัทไบโอเทคโนโลยีมีแนวโน้มว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นหากสามารถคิดค้นยาชนิดใหม่ออกมาวางจำหน่าย และบริษัทที่มีศักยภาพสูงมักถูกซื้อกิจการจากบริษัทขนาดใหญ่ (ที่มา: Polar Capital Funds plc) ทำให้มีโอกาสที่มูลค่าของหุ้นที่กองทุนเข้าไปลงทุนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
พิเศษสำหรับลูกค้าที่มียอดเงินลงทุนในกองทุน TBIOTECH ระหว่างวันที่ 5-20 พฤษภาคม 2563 ตั้งแต่ 500,000 – 4,999,999 บาท จะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรระยะสั้น (TISCOSTF) มูลค่า 500 บาท และยอดเงินลงทุนตั้งแต่ 5,000,000 – 9,999,999 บาท จะได้รับหน่วยลงทุน TISCOSTF มูลค่า 6,000 บาท และยอดเงินลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป รับทองคำหนัก 2 สลึง มูลค่าประมาณ 13,400 บาท (1 ท่าน ต่อ 1 สิทธิ์)
ทั้งนี้ กองทุน TBIOTECH เป็นกองทุนที่ลงทุนผ่านกองทุน Polar Capital Funds plc - Biotechnology ชนิดหน่วยลงทุน I US Dollar (กองทุนหลัก) โดยกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก และกองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนรวม โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนที่ได้เปิดเผยไว้ที่ www.tiscoasset.com และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือขอรับหนังสือชี้ชวน บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4