ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ยังสามารถเติบโตได้ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในประเทศญี่ปุ่น มีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ส่วนคำสั่งซื้อสินค้าจากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหม่ที่เริ่มสั่งซื้อกับบริษัทมีการหยุดชะงักชั่วคราว เนื่องจากการปิดประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คาดว่าหากอินเดียเริ่มเปิดประเทศได้อีกครั้ง โอกาสในการสั่งซื้อสินค้าก็จะเริ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ด้านธุรกิจพลังงานทดแทนมีแนวโน้มดี เนื่องจากเริ่มรับรู้รายได้ในเชิงพาณิชย์แล้ว โดยในปีนี้ คาดว่าจะเห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/63 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 296.39 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 359.44 จำนวน 63.05 ล้านบาท หรือลดลง 17.54 % อย่างไรก็ตามบริษัทยังสามารถสร้างการเติบโตกำไร โดยมีกำไรสุทธิ 17.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.93 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัท ยังสามารถสร้างการเติบโตของกำไรสุทธิ ท่ามกลางปัจจัยลบต่างๆ จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและกำไรจากรายได้อื่นๆ ประกอบกับการวางแผนงานเพื่อบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และควบคุมค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายได้รวม ปรับตัวลดลงเนื่องจากลูกค้าในต่างประเทศที่รัฐบาลมีคำสั่งล็อคดาวน์ ส่งผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ สำหรับภายในประเทศ เกิดจากกลุ่มร้านค้าประเภท Hypermarket อาทิ เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี โฮมโปร ฯลฯ ที่เป็นลูกค้าของบริษัทฯ จำเป็นจะต้องปิดการขายผ่านสาขาตามคำสั่งของรัฐบาล