LPH บุ๊คงบ Q1/63 รายได้อยู่ที่เกือบ 425 ลบ. ส่วนกำไรโต 20% ลูกค้าเงินสดเพิ่ม - รายได้ปกส.หนุน มั่นใจปี 63 โต 20-25% ได้ตามแผน

จันทร์ ๑๘ พฤษภาคม ๒๐๒๐ ๑๔:๓๔
LPH ประกาศงบไตรมาสแรกปี 63 รายได้โตอยู่ที่ 424.91 ลบ. กำไรสุทธิ 42.84 ลบ. เพิ่มขึ้น 20.79% “ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช” แม่ทัพใหญ่ ยืนเป้ารายปี 2563 เติบโต 20-25% ได้ตามแผน จาก Excellent Center เปิดครบทุกศูนย์ ส่งผลผู้ที่เข้าใช้บริการตรวจและรับการรักษาขยายตัวเพิ่มขึ้น และได้รับผลบวกจากประกันสังคมเพิ่มค่าหัว ส่วนแนวโน้มผลงานไตรมาส 2 ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลจำนวนผู้ป่วยที่มาใช้บริการลดลง พร้อมเดินหน้าแผนลงทุนต่อเนื่อง

ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยถึง ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 1/2563 (สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2563) มีรายได้รวม 424.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 37.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.74 โดยรายได้หลักจากการรักษาคนไข้ทั่วไปเติบโตขึ้นร้อยละ 5.78% มาจากคนไข้นอก เติบโตขึ้นร้อยละ 12.19% และคนไข้ในลดลดร้อยละ 4.02% ขณะที่รายได้จากการรักษาพยาบาลโครงการประกันสังคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.30%

โดยรายได้หลักจากการรักษาพยาบาลเติบโตรวมร้อยละ 10.04 โดยหลักมาจากการเพิ่มค่าบริการทางการแพทย์ของสำนักงานประกันสังคมในปี 2563 และการเติบโตต่อเนื่องของศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลผู้ใช้บริการบางส่วนเลื่อนการเข้าใช้บริการที่ไม่เร่งด่วนหรือจำเป็นออกไปก่อน สำหรับรายได้การให้บริการของบริษัทย่อย บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (AMARC) เติบโตขึ้นร้อยละ 12.60 เนื่องจากเป็นการให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการให้กับสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งจำเป็นและยังคงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องแม้อยู่ในภาวะโรคระบาด ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 42.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.79 จากงวดปีก่อนที่มีกำไร 35.46 ล้านบาท

“ผลประกอบการไตรมาส 1/2563 ปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้ที่เข้าใช้บริการตรวจและรับการรักษาขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันทาง LPH ยังได้ปัจจัยบวกจากการที่คณะกรรมการประกันสังคมมีมติเพิ่มค่าบริการทางการแพทย์สำหรับผู้ประกันตนปี 2563 เป็น 3,959 บาทต่อคนต่อปี แบ่งเป็นเหมาจ่ายให้ รพ.คู่สัญญา อัตรา 2,839 บาทต่อคนต่อปี และส่วนที่เหลือเป็นบริการนอกเหนือเหมาจ่ายเปอร์เซ็นต์ ซึ่งให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ส่งผลดีต่อ LPH เพราะช่วยสนับสนุนภาพรวมธุรกิจอีกทางหนึ่งด้วย” ดร.อังกูร กล่าว

ขณะที่ผลประกอบการปี 2563 ทางบริษัทยังยืนเป้ารายได้เติบโต 20-25% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีรายได้ประมาณ 1.59 พันล้านบาท เนื่องจากผู้ป่วยจ่ายเงินสดมีทิศทางอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ประกอบกับผู้ป่วยที่ใช้สิทธิ์ประกันต่างๆ ยังขยายตัวต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทฯมีการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทาง LPH ได้มีการเพิ่มความเข้มงวดทั้งในส่วนของพนักงานและการคัดกรองผู้ป่วย โดยมีการแยกโซนระหว่างผู้ป่วยทั่วไป และผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ตลอดจนยังมีการเปิดให้บริการตรวจไวรัสโควิด-19 สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงภายหลังการตรวจคัดกรองโรคแล้วเพิ่มเติม อีกทั้งได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการพนักงานในส่วนของออฟฟิศบางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลให้ไปทำงานที่บ้าน (Work From Home) เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/2563 คาดว่าผลประกอบการจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา เนื่องจากในเดือนเมษายน ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยจำนวนผู้ป่วยที่มาใช้บริการลดลง ขณะที่สถานการณ์ในครึ่งปีหลังคาดว่าน่าจะดีขึ้น หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มในอัตราที่ลดลง

อาคารจอดรถอัจฉริยะ ก่อสร้างอาคารจอดรถอัจฉริยะขนาด 200-250 คัน ใช้งบลงทุนโดยประมาณ 110 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2563 และแผนการเปิดให้บริการโรงพยาบาลตา ลาดพร้าว เป็นอาคารสูง 6 ชั้น ขนาด 6,400 ตารางเมตร งบลงทุนโดยประมาณ 200 ล้านบาท ให้บริการรักษาพยาบาลเกี่ยวกับโรคตาแบบครบวงจร ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ร่วมทุนและศึกษาความเป็นไปได้โครงการ

อาคารโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์เฉพาะทางลาดพร้าว แห่งที่ 2 เป็นอาคารโรงพยาบาลขนาดประมาณ 40 เตียง ขนาด 7,400 ตารางเมตร มูลค่าโครงการประมาณ 400 ล้านบาท อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นได้โครงการและพิจารณาศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง เช่น ศูนย์โรคหัวใจครบวงจร ศูนย์มะเร็ง เป็นต้น

แผนการร่วมลงทุนสร้างโรงพยาบาลในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาขนาด 60 เตียง ขณะนี้อาคารอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 โดยมีความประสงค์ที่จะขยายเป็น 100 เตียง เพื่อให้บริการรักษาผู้ป่วยทั่วไป บริการตรวจสุขภาพนอกสถานที่และรองรับผู้ป่วยสิทธิประกันสังคม มูลค่าโครงการโดยประมาณ 300 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างเพิ่มเติมประมาณ 1.5 ปี และสามารถเปิดดำเนินการได้ในปี 2565 สถานที่ตั้งอยู่ใกล้ สวนอุตสหากรรมโรจนะ อ.อุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นนิคมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอยุธยา มีจำนวนโรงงานมากกว่า 200 โรงงาน แรงงานไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version