ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินสถานการณ์ทิศทางการลงทุนในขณะนี้ว่า จากปัจจัยบวกราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากหลายประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ประกาศปรับลดการผลิตน้ำมัน การผลิตในสหรัฐลดลง และคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้นหลังหลายประเทศทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้น เป็นลำดับ โดยเห็นได้จารายงานยอดผู้ติดเชื้อคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น จนส่งผลให้มีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 2 ขณะเดียวกันที่สหรัฐมีข่าวคืบหน้าเรื่องผลการทดลองฉีดวัคซีนต้านไวรัวโควิด-19 ในคนหนุนตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้น
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,270 -1,320 จุด แม้จะมีแรงหนุนจาการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เฟส 2 และราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องก็ตาม แต่ทั้งนี้นักลงทุนยังคงจับตาจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ หลังคลายล็อกดาวน์เฟส 2 อย่างใกล้ชิด
พร้อมทั้งยังแนะนำให้จับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่อาจเข้ามาเป็นตัวแปรหลักในการลงทุน โดยในวันที่ 19 พ.ค. ญี่ปุ่นเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเดือนมี.ค.ขณะที่อียู เตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจประจำเดือนพ.ค. อีกทั้งสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างของเดือนเม.ย.
ส่วนในวันที่ 20 พ.ค. จับตาการกำหนดประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/2563 และญี่ปุ่น เปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรของเดือนมี.ค. ขณะที่ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ประจำเดือน พ.ค. ตามด้วย อียูเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.
นอกจากนี้ กรณีสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในช่วงเช้าวันที่ 21 พ.ค. เปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 28-29 เม.ย. รวมถึง การเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิต - ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก Conference Board ขณะที่ญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. และอียูเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ค. ใน วันที่ 22 พ.ค.
ด้าน นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมถึงกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ โดยแนะจับตา 5 หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ดี ได้แก่ หุ้น WICE โดยมองว่าไตรมาส2/63 เป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ประกอบกับตลาดประเทศจีนมีแนวโน้มของปริมาณงานสูง หลังปลด Lockdown, หุ้นTASCO โดยมองว่ายอดขายยางมะตอยไตรมาส 2/63 จะฟื้นตัวจากความต้องการใช้ยางมะตอยที่เพิ่มสูงขึ้น ตามการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี ,หุ้นCPF มองว่าราคาหมู-ไก่ปรับดีขึ้นจากซัพพลายที่หายไป ขณะที่ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง, หุ้นHMPRO มองว่าปัจจัยพื้นฐานระยะยาว มีโอกาสเติบโตของยอดขายจากการขายผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงไลฟ์สไตล์ในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับ WFH หุ้นDOHOME มองว่าเทรนด์การซ่อมแซมและปรับปรุงที่อยู่อาศัย ส่งผลดีต่อยอดขายกลุ่มสินค้าซ่อมแซม และตกแต่ง รวมถึงการพัฒนา house brand ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ในระดับที่สูง16% ของยอดขาย ส่งผลให้บริษัทจะสามารถรักษาGross margin อยู่ระดับสูงได้ นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้นที่จะเข้าคำนวณ MSCI Global Standard ได้แก่ AWC-BAM-KTC มีผล 29 พ.ค.นี้
ขณะที่ราคาทองคำ ทางฝ่ายวิจัย มีประเมินว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อในสัปดาห์นี้โดยมีแนวต้านที่ 1,780-1800 $/Oz หรือ 27,030-27,360 บาทต่อบาททองคำเป็นแนวต้านสำคัญ และมีแนวรับที่ 1,730 -1,740 $/Oz หรือ 26,190-26,360 จุด โดยราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อของกองทุน SPDR ต่อเนื่องส่งผลให้ถือสถานะที่1,114 ตัน ซึ่งสูงสุดในรอบ 8 ปี ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี กองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำแล้วกว่า 218.5 ตัน อีกทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากผลกระทบของ COVID-19 ช้ากว่าที่คาด ทำให้นักลงทุนหันมาซื้อทองคำเพื่อลดความเสี่ยง