นายสิทธิชัย กฤชวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ7UP เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะเดียวกันได้ก่อให้เกิดโอกาสทางด้านลงทุนเช่นกัน เนื่องจากทำให้ต้นทุนราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ปรับตัวลดลง ดังนั้นขณะนี้เป็นจังหวะสำคัญในการมองหาโอกาสการลงทุน
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 ได้มีมติให้เข้าร่วมลงทุนเป็นพันธมิตรทางธุรกิจใน Metal Component Engineering Limited หรือ MCE ซึ่งจดทะเบียนและซื้อขายบนกระดาน “Catalist” ของตลาดหุ้นสิงคโปร์ ด้วยการซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 155,000,000 หุ้น มูลค่า 3.41 ล้านเหรียญสิงค์โปร หรือคิดเป็นมูลค่า 80 ล้านบาท เพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 29.3% คาดว่ากระบวนการเข้าลงทุนจะเสร็จสิ้นภายใน 3 เดือน
MCE ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูล, อุปกรณ์ชิ้นส่วนในระบบสำนักงานอัตโนมัติ, ชิ้นส่วนอะไหล่สำรองในอุตสาหกรรมยานยนต์, ชิ้นส่วนอุปกรณ์ในเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ (ATM) และ จุดแสดงสินค้า เป็นหลัก ปัจจุบันมีรายได้ 45 ล้านเหรียญสิงคโปร์ วัตถุประสงค์หลักของการเข้าลงทุนในครั้งนี้ เพื่อเป็นก้าวแรกของการมีพันธมิตรทางธุรกิจในต่างประเทศ เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ที่มีแนวโน้มที่ดี ประกอบกับ MCE ดำเนินธุรกิจในสิงคโปร์มาอย่างยาวนาน ซึ่งส่งผลให้เป็นช่องทางในการระดมทุนในต่างประเทศได้อีกด้วย
“บริษัทฯมีฐานะการเงินแข็งแกร่งจากผลประกอบการมีกำไรสุทธิมาอย่างต่อเนื่อง และในจังหวะที่ทุกคนต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้บริษัทฯสามารถลงทุนในต้นทุนต่ำกว่าภาวะปกติ ดังนั้นขณะนี้นับเป็นโอกาสสำหรับการเข้าลงทุนเพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคต”
ลักษณะธุรกิจของ7UP
กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจหลัก 4 ธุรกิจ ได้แก่ 1.) ธุรกิจตัวแทนนายหน้าในการจัดจำหน่าย แก๊ส LPG 2.) ธุรกิจพลังงานทดแทน/พลังงานทางเลือก 3.) ธุรกิจวิทยุสื่อสารโทรคมนาคม และ Internet of Things (IoT) และ4.) ธุรกิจปรับปรุงคุณภาพน้ำสำหรับฟาร์มกุ้ง