ปิง-เกรียงไกร วชิรธรรมพร ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ เผยว่า “ตอนที่พวกเราเริ่มทำโปรเจกต์ กักตัว Stories กันช่วงแรกๆ เราตั้งใจว่ามันจะเป็นแค่โปรเจกต์สนุกๆ ที่ชวนพี่น้องผู้กำกับและทีมงานที่เราเคยทำงานด้วยกันมา มาทำหนังสั้นบันทึกความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่แต่ละคนเจอมาในช่วง สถานการณ์โควิด-19 แต่พอเริ่มลงมือทำกันจริงๆ เราค่อยๆ พบว่าโปรเจกต์มันโตกว่าที่คิด จากที่เคยจะทำกันแบบไม่มีรายได้ ด้วยไอเดียและรูปแบบโปรเจกต์ที่ค่อนข้างแปลกใหม่ ก็ทำให้เราได้รับความสนใจจากลูกค้าที่เคยร่วมงานกับทางนาดาวหลาย บริษัทเขาร่วมเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนเรา แม้จะไม่ได้เป็นเงินระดับเดียวกันกับเวลาที่เราทำงานซีรีส์กันเต็มรูปแบบ แต่ก็พอจะทำให้โปรเจกต์นี้กลายเป็นงานที่สามารถสร้างรายได้เล็กๆ ให้กับคนทำงานได้ ลูกค้าเองก็ได้มีช่องทางในการโปรโมตสินค้าไปอีกรูปแบบ พอวงจรรายได้มันครอบคลุมกับพวกคนทำงานเองแล้ว ผมก็นึกขึ้นได้ว่ามันจะมีรายได้อีกส่วนหนึ่ง นั่นก็คือรายได้จากยอดการรับชมบน Youtube ซึ่งโดยปกติแล้ว Youtube จะมีวิธิการคำนวณของเขาอยู่ว่า จำนวนยอดวิวเท่าไหน มีโฆษณาเข้าเท่าไหร่ เฉลี่ยออกมาแล้วมันจะกลายเป็นรายได้กลับคืนมาสู่เจ้าของแชนแนลนั้น ๆ ในจุดนี้ทางนาดาวจึงคิดกันว่า พอเราดูแลตัวเองจนมีรายรับได้แล้ว เราแบ่งสรรปันส่วนกำไรอีกก้อนหนึ่งนั้น ไปร่วมบริจาคให้กับคนที่เขาต้องการด้วย น่าจะเป็นเรื่องดี ซึ่งเรามองหาที่ๆ เราจะได้สนับสนุนทั้งปัจจุบันและอนาคต ทางทีมจึงเลือกว่านำรายได้ทั้งหมดจาก Youtube ของทุกคลิปที่อยู่ในโปรเจกต์ กักตัว Stories ตลอดเดือน พฤษภาคม - มิถุนายน โดยไม่หักค่าใช้จ่ายไปบริจาคให้กับ 2 แห่งคือ
1.มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เขามีการนำถุงยังชีพไปมอบให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจทุกวันอยู่แล้ว กับ2.ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ที่เขากำลังวิจัยและพัฒนาเครื่องมือที่จะใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ว่ากันตามตรงแล้ว มันอาจจะไม่ใช่เงินก้อนใหญ่โตอะไร แต่เราก็ทำโปรเจกต์นี้กันสุดความสามารถด้วยความตั้งใจให้มันสนุกพอ ที่จะดึงดูดผู้ชมให้มาร่วมดู ส่งต่อ และชวนเพื่อนหรือคนใกล้ตัวมาดูไปด้วยกัน แล้วทุกยอดวิวนั้นก็จะกลายเป็นเงินบริจาคต่อไป ใครที่ยังไม่เคยดูกักตัว Stories เลย ตอนนี้มีปล่อยหนังสั้นออกมา 4 เรื่อง 4 รสชาติให้เลือกชมกันได้ ฝากทุกคนบอกต่อกันด้วยนะครับ”