คุณเอมอร ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการมูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา กล่าวถึง การมอบรถพยาบาลฉุกเฉิน ที่มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา ดำเนินการส่งมอบว่า “การมอบรถพยาบาลฉุกเฉินในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการออกปฏิบัติการช่วยชีวิตผู้ป่วยอุบัติเหตุหรือฉุกเฉินของโรงพยาบาลขนาดเล็กที่ห่างไกล อยู่ในถิ่นธุรกันดาร มีความจำเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่น ที่มีความพร้อมด้านเครื่องมือและบุคลากรทางการแพทย์มากกว่า รวมถึงโรงพยาบาลที่ต้องเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยในสถานการณ์ Covid-19”
โดยล่าสุด ทางมูลนิธิฯ ได้ทำการส่งมอบรถพยาบาลฉุกเฉิน จำนวน 3 คัน ให้แก่โรงพยาบาล 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี จ.ปัตตานี, โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระดับอำเภอที่มีขนาดเล็ก ห่างไกลจากตัวเมือง มีปริมาณประชากรในพื้นที่ที่ต้องให้การดูแลรักษาเป็นจำนวนมาก แต่มีรถพยาบาลไม่เพียงพอ และโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ ซึ่งสร้างใหม่มีความจำเป็นต้องมีรถพยาบาลเพื่อใช้ในการรับส่งและดูแลผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นมูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภา โดย คุณเอมอร ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ ได้แก่ คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา คุณวรมาศ ศรีวัฒนประภา คุณอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา คุณอรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา และคุณรวิ อิทธิระวิวงศ์ ได้ร่วมกันทำพิธีส่งมอบรถพยาบาลฉุกเฉิน ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ โดยมีผู้บริหารของทั้ง 3 โรงพยาบาลเป็นผู้แทนรับมอบ
และในส่วนของความจำเป็นของรถพยาบาลฉุกเฉินสำหรับโรงพยาบาลที่ห่างไกลในถิ่นทุรกันดาร นายแพทย์อินทร์ จันแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า “ในฐานะตัวแทนของ ชาวจังหวัดนราธิวาส รู้สึกดีใจและขอบคุณ มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา ที่เล็งเห็นความสำคัญของระบบการส่งต่อผู้ป่วย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญตามมาตรฐานในการส่งต่อเพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ ทางโรงพยาบาลมีทั้งผู้ป่วยภายในประเทศและส่งต่อข้ามแดนประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันทางโรงพยาบาลมีรถพยาบาลฉุกเฉินเพียง 4 คัน ซึ่งมีสภาพเก่า ไม่เพียงพอต่อการส่งต่อผู้ป่วยจะส่งในระยะไกล 1 – 2 เที่ยวต่อวัน และใช้ในการรับ-ส่งผู้ป่วยในพื้นที่ไปส่วนต่อต่าง ๆ รถพยาบาลที่รับมอบในครั้งนี้ เป็นรถที่มีประสิทธิภาพสามารถส่งต่อคนไข้ได้ในระยะไกลได้อย่างดีเยี่ยม”
ด้านแพทย์หญิงภัททิรา ทางรัตนสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี จังหวัดปัตตานี ได้กล่าวถึงประโยชน์ของรถพยาบาลเพื่อใช้ในการส่งต่อผู้ป่วยว่า “ทางโรงพยาบาลขาดแคลนและมีความต้องการรถพยาบาลฉุกเฉินเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งทางโรงพยาบาลมีรถพยาบาลฉุกเฉิน จำนวน 5 คัน อีก 2 คันสภาพไม่สู้ดี อยู่ในระหว่างการซ่อมบำรุงไม่สามารถใช้งานได้ โดยในแต่ละวันทางโรงพยาบาล มีความจำเป็นที่ต้องส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดปัตตานี วันละ 2 ครั้ง และมีผู้ป่วยในพื้นที่ที่จำเป็นต้องใช้รถพยาบาล การที่ได้รับมอบรถพยาบาลที่ในครั้งนี้ ทางโรงพยาบาลจะนำไปใช้ให้เกิดประโชน์สูงสุดกับคนในพื้นที่ เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที”
และในสถานการณ์โควิด-19 โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโรงพยาบาลที่รองรับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ นายแพทย์ไพโรจน์ บุญคงชื่น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรี นฤบดินทร์ ได้กล่าวถึงการร่วมรับมอบรถพยาบาลฉุกเฉินในครั้งนี้ว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 มีคนไข้ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากเป็นช่วงที่เราต้องใช้รถพยาบาลฉุกเฉิน เพื่อรับคนไข้ไปโรงพยาบาลซึ่งต้องใช้รถจำนวนหลายรอบมาก เพราะในแต่ละรอบรับผู้ป่วยได้เพียงคนเดียว ดังนั้น รถพยาบาลจึงมีความจำเป็นสูงมากในการที่จะใช้ขนส่งผู้ป่วย เนื่องจากโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ เป็นโรงพยาบาลสร้างใหม่จึงมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ”
ทั้งนี้ รถพยาบาลฉุกเฉินที่ทางมูลนิธิฯ ส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลเป็นรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูง ( ADVANCE ) ที่พร้อมด้วยเครื่องมือแพทย์ช่วยชีวิตขั้นสูงการแพทย์ ได้แก่ เครื่องกระตุกหัวใจ AED และเครื่องช่วยหายใจ ตลอดจนเป็นรถพยาบาลที่มีความปลอดภัย (Safety Ambulance) ด้วยอุปกรณ์ที่ติดตั้งภายในรถพยาบาล มีการยึดตรึงและผ่านการทดสอบการชนหรือแรงกระแทก ตามมาตรฐาน EN1789 (มาตรฐานรถพยาบาลปลอดภัยของทวีปยุโรป) พร้อมอุปกรณ์ที่จำเป็น อาทิ สัญญาณไฟฉุกเฉิน เครื่องมือแพทย์ประจำรถพยาบาล เป็นต้น
โดยการมอบรถพยาบาลฉุกเฉินในครั้งนี้ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานกรรมการ มูลนิธิฯ ที่ตระหนักถึงความสำคัญในการช่วยเหลือทุกชีวิต เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศให้มีความพร้อมโดยการมอบรถพยาบาลฉุกเฉินดังกล่าว จะเป็นประโยชน์และสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยอุบัติเหตุหรือฉุกเฉินให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพิ่มโอกาสในการรอดและลดอัตราการเสียชีวิตได้มากขึ้น