WWF ผนึกกำลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ธนาคารเอชเอสบีซี ชูโมเดลแม่น้ำสงครามตอนล่าง สู่แรมซาร์ไซต์แห่งที่ 15 ของไทย

ศุกร์ ๐๕ มิถุนายน ๒๐๒๐ ๑๐:๒๓
องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย เผยความสำเร็จแรมซาร์ไซต์ลำดับที่ 15 ของประเทศ เกิดจากการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ร่วมอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งน้ำจืดสำคัญ คู่ขนานไปกับการอนุรักษ์พันธุ์ปลาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมชูโมเดลต่อยอดความสำเร็จสู่พื้นที่หนองหาร จังหวัดสกลนคร โดยการสนับสนุนของธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย

นางสาวพิมพ์ภาวดี พหลโยธิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF ประเทศไทย กล่าวถึงการประกาศรับรองพื้นที่แม่น้ำสงครามตอนล่าง จังหวัดนครพนม เป็นพื้นที่แรมซาร์ไซต์แห่งที่ 15 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมาซึ่งมีผลย้อนหลัง 1 ปีหลังจากที่มีการยื่นเอกสารไปยังคณะกรรมการอนุสัญญาแรมซาร์ โดยระบุว่าการขึ้นทะเบียนแรมซาร์ไซต์ครั้งนี้ ถือความสำเร็จที่น่ายินดี เพราะเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่การทำงานอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ เกิดจากความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร โดยมีสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหน่วยประสานงานกลางระดับชาติของอนุสัญญาฯ ซึ่งปัจจุบัน มีประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเข้าร่วมเป็นภาคีรวม 171 ประเทศ

“ทรัพยากรน้ำในโลกของเรานี้ มีเพียง 2.5% เท่านั้นที่เป็นน้ำจืด และส่วนใหญ่น้ำจืดมีสภาพเป็นน้ำแข็ง หรือน้ำใต้ดิน ดังนั้น น้ำจืดในแหล่งน้ำธรรมชาติ อย่างเช่น แม่น้ำ ทะเลสาปต่างๆ จึงถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องอิงอาศัยเพื่อการดำรงชีวิตอยู่ WWF ทำงานอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำจืดในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านหล่อเลี้ยงชีวิตชุมชนและเป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์”

ทั้งนี้ โครงการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่ชุ่มน้ำเริ่มต้นทำงานในพื้นที่จังหวัดนครพนมมาตั้งปี พ.ศ.2559 และแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2561 หลังจากนั้น ทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงประสานงานกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ เพื่อผลักดันให้พื้นที่ลุ่มน้ำสงครามตอนล่างเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเพื่อเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลก หรือ “แรมซาร์ไซต์” เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2562 จากนั้น สผ. ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ.2563 ว่า พื้นที่ชุ่มน้ำแม่น้ำสงครามตอนล่างได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแรมซาร์ไซต์ลำดับที่ 2,420 ของโลก และเป็นลำดับที่ 15 ของประเทศไทย

นายพุฒิพงศ์ สุรพฤกษ์ โฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “ประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำอยู่เกือบ 20,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ โดยคิดเป็น 6-7% ของพื้นที่ทั้งหมด หรือประมาณ 23 ล้านไร่ เรายังมีพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ 47 แห่ง อีก 19,200 กว่าแห่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับท้องถิ่น ในขณะที่พื้นที่ชุ่มน้ำอีก 28 แห่งเป็นพื้นที่ที่ควรได้รับการคุ้มครองและฟื้นฟู”

อนึ่ง การทำงานอนุรักษ์ในพื้นที่แม่น้ำสงครามตอนล่างได้รับการสนับสนุนงบประมาณและความร่วมมือจากธนาคารเอชเอสบีซี (ประเทศไทย) ภายใต้โครงการ HSBC Water Programme โดยธนาคารเอชเอสบีซีถือเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกในประเทศไทยที่มีส่วนร่วมในการทำงานอนุรักษ์แหล่งน้ำจืดสำคัญ จนกระทั่งได้รับการประกาศความสำเร็จเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลกที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ

นายเคลวิน แทน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย กล่าวว่าธนาคาร เอชเอสบีซี ในฐานะธนาคารชั้นนำระดับโลกและธนาคารแห่งแรกในประเทศไทย มีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการดำเนินกิจกรรมและให้ความสำคัญด้านการพัฒนาการศึกษา สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของประเทศ

“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของโครงการฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำแม่นำสงครามตอนล่าง จังหวัดนครพนม โดยความร่วมมือกับ WWF-ประเทศไทย จนได้รับการรับรองขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่แรมซาร์แห่งที่ 15 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของเอชเอสบีซีที่มุ่งดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะด้านชุมชนและสิ่งแวดล้อม นับเป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ NGO และชุมชนท้องถิ่นที่จะช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของไทยให้ยั่งยืน ธนาคารเอชเอสบีซีตระหนักดีว่า การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจ สิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพย่อมนำไปสู่การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนของชุมชน สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากให้การสนับสนุนด้านงบประมาณแก่โครงการดังกล่าวแล้ว ธนาคารฯยังส่งเสริมให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมหลากหลายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เพื่อให้พนักงานเข้าใจและเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์น้ำ ตลอดจนการตอบแทนสังคมและชุมชนที่พวกเขาอาศัยอยู่ เราเชื่อว่า การได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่รมซ่า แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างการอนุรักษ์และรู้จักใช้ทรัพยากรจากแหล่งน้ำอย่างเล็งเห็นคุณค่าโดยชุมชนและเพื่อชุมชน ซึ่งจะช่วยให้พื้นที่ลุ่มน้ำสงครามตอนล่างมีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต”

พื้นที่ลุ่มแม่น้ำสงครามเป็นหนึ่งในพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย และนับเป็นสาขาของแม่น้ำโขงแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ขวางกั้นตลอดลำน้ำ ทำให้ปลาอย่างน้อย 124 ชนิดสามารถว่ายน้ำได้อย่างอิสระ อีกทั้ง ทีนี้ ยังมีพันธุ์พืชอีกกว่า 208 ชนิด และเป็นแหล่งประมงพื้นบ้านที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหารของคนมากกว่า 240,000 ชีวิตที่พักอาศัยอยู่ตลอดลำน้ำที่มีระยะทาง 92 กิโลเมตร

ความโดดเด่นและเอกลักษณ์ของพื้นที่ลุ่มแม่น้ำสงคราม คือ มีระบบนิเวศอันหายาก ได้แก่ ป่าบุ่งป่าทามผืนใหญ่ ซึ่งมีความสำคัญในเชิงความหลากหลายทางชีวภาพของชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ ตลอดจนเป็นแหล่งอพยพเพื่อผสมพันธุ์และวางไข่ของพันธุ์ปลาจากแม่น้ำโขงในช่วงฤดูน้ำหลาก

WWF ประเทศไทย โดยการสนับสนุนจากธนาคารเอชเอสบีซี (ประเทศไทย) ร่วมขับเคลื่อนงานฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำและระบบนิเวศรอบแม่น้ำสงครามตอนล่าง ใน 2 อำเภอของจังหวัดนครพนม คือ อำเภอท่าอุเทน และอำเภอศรีสงคราม พร้อมประสานความร่วมมือกับ 49 ชุมชน ที่พักพิงอยู่ในพื้นที่สามหมื่นกว่าไร่ โดยเน้นประชาสัมพันธ์กิจกรรมบนบก เช่น การทำเกษตรอย่างยั่งยืน การลดใช้สารเคมีที่เป็นพิษ ซึ่งอาจปนเปื้อนลงแหล่งน้ำ รวมถึงการจัดการขยะและของเสียที่จะปล่อยลงสู่แหล่งน้ำด้วย

นายยรรยง ศรีเจริญ ผู้จัดการโครงการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำแม่น้ำสงครามตอนล่าง WWF ประเทศไทย กล่าวว่า “แม่น้ำสงคราม มีความสำคัญมากในเชิงระบบนิเวศ เป็นเหมือนอู่ข้าวอู่น้ำของแม่น้ำโขง คือ ช่วยเป็นแหล่งขยายพันธุ์สัตว์น้ำ ช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านอาหารด้านโปรตีนจากปลา หล่อเลี้ยงประชากรมากกว่า 60 ล้านคนใน 4 ประเทศ ดังนั้น การที่แม่น้ำสงครามตอนล่าง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่แรมซาร์ไซต์แห่งที่ 15 ของประเทศไทย และแห่งที่ 2,420 ของโลกนั้น จะช่วยป้องกันการบุกรุกพื้นที่ และช่วยสร้างความชัดเจนในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์ได้อย่างชาญฉลาด และยั่งยืนต่อไป”

ปัจจุบัน WWF ประเทศไทย ขยายความสำเร็จจากการทำงานอนุรักษ์ในลุ่มน้ำสงครามตอนล่าง สู่การดำเนินงานโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำหนองหาร จังหวัดสกลนคร โดยพื้นที่ชุ่มน้ำหนองหารได้รับการจัดลำดับให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญ เพราะเป็นทั้งแหล่งน้ำผิวดินในการอุปโภคและบริโภคของชุมชนเมืองสกลนคร พื้นที่ชุ่มน้ำหนองหาร มีพื้นที่ 77,000 ไร่ ประชากรอาศัยอยู่โดยรอบ 240,327 คน 80,750 ครัวเรือน พบปลาพื้นถิ่น อย่างน้อย 133 ชนิด และนกอย่างน้อย 156 ชนิด นอกจากนี้ยังมีการพบพันธุ์ไม้น้ำ อย่างน้อย 54 ชนิด และ พืชบก อย่างน้อย 136 ชนิด

หมายเหตุบรรณาธิการ

อนุสัญญาแรมซาร์

อนุสัญญาแรมซาร์เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และยับยั้งการสูญหายพื้นที่ชุ่มน้ำทั่วโลก โดยอนุสัญญาฯ ได้รับการร่างและรับรองจากประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมการประชุม ณ เมืองแรมซาร์ ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2518 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เกือบ 90% ของประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ลงนามรับรองและเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิก

ภายใต้อนุสัญญาฯ ภาคีแต่ละประเทศต้องกำหนดและวางแผนการดำเนินกิจกรรมใด ๆ เพื่อรักษาพื้นที่ชุ่มน้ำ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ประเทศไทยได้คัดเลือกพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญเพื่อบรรจุในทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ และส่งเสริมการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ รวมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้ชุมชนตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำ ในขณะที่ประเทศไทยเข้าร่วมภาคีอนุสัญญาแรมซาร์ (Ramsar Convention) ในลำดับที่ 110 เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2541 เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่ต้องการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญของประเทศ

องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ( World Wide Funds for Nature: WWF )

องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF เป็นหนึ่งในองค์กรขนาดใหญ่ที่สุดระดับโลกที่มุ่งมั่นทำงาน และอุทิศเพื่องานด้านการอนุรักษ์ ปัจจุบัน WWF มีผู้สนับสนุนมากกว่า 5 ล้านคนจากทั่วโลกและเครือข่ายขององค์กรทำงานร่วมกันในกว่า 100 ประเทศ พันธกิจของ WWF คือการหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาวะธรรมชาติของโลกในเชิงลบ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของโลกที่มีมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างมีความสมดุลด้วยการอนุรักษ์สภาพชีววิทยาที่หลากหลาย และมุ่งทำงานเพื่อรักษาทรัพยากรด้านพลังงานให้ถูกนำกลับมาใช้งานอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมทั้งสนับสนุนการทำงานเพื่อหยุดยั้งมลพิษและการบริโภคที่เกินพอดี

ฝ่ายทรัพยากรน้ำจืดของกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ประเทศไทย หรือ WWF Thailand ให้ความสำคัญกับการทำงานในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่บางส่วนของภาคเหนือของประเทศไทย โดยมีเป้าประสงค์ในการคืนกลับ และสร้างความอุดมสมบูรณ์ ให้กับแหล่งน้ำ เพื่อให้เป็นแหล่งผลิตอาหารที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสรรพชีวิต ตอบสนองความต้องการในการดำรงชีพได้เหมาะสม รวมทั้งได้รับการบริหารจัดการ อนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยมุ่งเน้นการจัดการทรัพยากรน้ำจืดอย่างยั่งยืน ให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำจืด

ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย

เอชเอสบีซีเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทย เปิดสำนักงานให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2431 ธนาคารเอชเอสบีซีเปิดให้บริการด้านการเงินและการธนาคาร ทั้งบริการด้านเงินฝาก สินเชื่อธุรกิจ พาณิชย์ธนกิจ ธุรกิจสถาบันการเงิน บริการด้านบริหารเงินและตลาดทุน บริการหลักทรัพย์ บริการการค้าและเครือข่ายธุรกิจระหว่างประเทศ และบริการด้านการชำระเงินและบริหารเงินสดแก่ลูกค้าประเภทองค์กร

เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)

เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ เป็นบริษัทแม่ของกลุ่มเอชเอสบีซี มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กลุ่มเอชเอสบีซีให้บริการลูกค้าทั่วโลกด้วยเครือข่ายสาขาประมาณ 3,800 แห่งใน 66 ประเทศและเขตปกครองทั้งในยุโรป เอเชีย อเมริกาเหนือ และละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ เอชเอสบีซี เป็นสถาบันผู้ให้บริการด้านการเงินและการธนาคารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีสินทรัพย์รวม 2,603 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2561)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๒๔ แจกจริง! แบรนด์ซุปไก่สกัดส่งมอบรถเทสล่า มูลค่า 1.649 ล้านบาท ให้ผู้โชคดี ในแคมเปญ ดื่มแบรนด์ สแกนเลขในขวด ปี
๑๓:๕๐ GFC ตอบโจทย์ทุกความปลอดภัยเรื่องอาคาร - ถังแช่แข็งตัวอ่อน เปิดให้บริการสำหรับผู้มีบุตรยากตามปกติครบ 3
๑๓:๕๗ KJL ลุยภาคใต้! จัดใหญ่สัมมนา 'รวมพลคนไฟฟ้า ON TOUR' ที่ภูเก็ต
๑๒:๐๐ แว่นท็อปเจริญ จับมือ กรมกำลังพลทหารบก แนะแนวการศึกษาและอาชีพ สร้างโอกาสแก่ทหารกองประจำการและครอบครัว
๐๒ เม.ย. AnyMind Group คว้ารางวัล Gold ในงาน Martech Innovation Awards 2025
๐๒ เม.ย. โชว์พลังดีไซน์ไทยในงาน STYLE Bangkok 2025 รวมแบรนด์ดาวรุ่งจาก Talent Thai และ Designers' Room ที่คุณไม่ควรพลาด
๐๒ เม.ย. ธนาคารกสิกรไทย จัดสัมมนาใหญ่ K WEALTH Forum: เจาะลึก 5 ปัจจัยเปลี่ยนเกมการลงทุนโลก
๐๒ เม.ย. PSP ปิดดีลทุ่ม 409.5 ลบ. ถือหุ้นใน รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง (RE) ปักหมุดธุรกิจสู่ศูนย์กลางรีไซเคิลสารเคมีแห่งภูมิภาค
๐๒ เม.ย. กลุ่มซีไอเอ็มบี เปิดรับสมัครสอบชิงทุน CIMB ASEAN Scholarship 2025 ทุนเรียนต่อปริญญาตรี - ปริญญาโท พร้อมโอกาสร่วมงานกับกลุ่มซีไอเอ็มบี
๐๒ เม.ย. ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค เปิดพิกัดจุดสรงน้ำพระ เสริมสิริมงคลกับเทศกาล สงกรานต์อิ่มบุญ