นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ เห็นชอบให้วันที่ ๕ มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนได้รำลึก ถึงความสำคัญของข้าวที่คนไทยใช้เป็นพืชอาหารหลัก รวมทั้งเพื่อเชิดชูเกียรติชาวนาที่ได้เสียสละทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจปลูกข้าวให้คนไทยทุกหมู่เหล่าได้มีอาหารบริโภคอย่างอุดมสมบูรณ์ตลอดมา นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังที่จะสร้างความภาคภูมิใจให้กับลูกหลานชาวนาไทย ซึ่งจะเป็นผู้สืบทอดอาชีพการทำนาในอนาคตด้วย ทั้งนี้ ในวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๘๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ คือ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ไปทอดพระเนตรกิจการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน ในโอกาสนั้นทั้งสองพระองค์ได้ทรงหว่านข้าว ณ ทุ่งบางเขน จึงถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันที่เป็นสิริมงคลอย่างยิ่งแก่กิจการด้านข้าวของประเทศ
ดังนั้น กรมการข้าวจึงได้จัดพิธีบูชาพระแม่โพสพ “รับขวัญข้าว สู่ขวัญชาวนา” ซึ่งเปรียบเสมือนเทพนารีแห่งข้าวที่คอยดูแลต้นข้าวให้เจริญงอกงาม รวมทั้งเป็นการให้ความสำคัญต่อข้าว ซึ่งเป็นพืชอาหารหลักของคนไทยทั้งประเทศ และเชิดชูเกียรติชาวนาไทยในฐานะผู้ผลิตอาหารหลักให้กับประชาชน ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของชาติ ณ กรมการข้าว กรุงเทพมหานคร
นายประภัตร กล่าวว่า ในปี ๒๕๖๓ กรมการข้าวได้ดำเนินงานกิจกรรมหลักเสริมสร้างศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของศูนย์ข้าวชุมชน ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยได้สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี กระสอบบรรจุเมล็ดพันธุ์ข้าว และเครื่องจักรกลการเกษตร ได้แก่ เครื่องอบลดความชื้นเมล็ดพันธุ์ข้าว ๒๐ แห่ง และเครื่องคัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ข้าว ๒๐ แห่ง ให้แก่ศูนย์ข้าวชุมชนที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว จำนวน ๕๐ แห่ง และเพื่อเป็นการขอบคุณรัฐบาล คณะกรรมการกลางศูนย์ข้าวชุมชนได้มีมติให้รวบรวมข้าวสารจากศูนย์ข้าวชุมชนที่ได้รับกาสนับสนุนจากโครงการดังกล่าว จำนวน ๓๐ ตัน โดยมาจากศูนย์ข้าวชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนเครื่องอบลดความขื้น ๒๐ แห่ง แห่งละ ๓๐๐กิโลกรัม ศูนย์ข้าวชุมชนที่ได้รับสนับสนุนเครื่องคัดทำความสะอาด ๒๐๐ แห่ง แห่งละ ๑๐๐ กิโลกรัม และศูนย์ข้าวชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์แห่งละ ๕๐ กิโลกรัม โดยมีวาระในการมอบให้แก่นายกรัฐมนตรี เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)