นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่านับเป็นข่าวดีอย่างยิ่งที่มูลนิธินโยบายสาธารณะไทย ที่มีนายโชติ โสภณพนิช เป็นประธานได้เล็งเห็นความสำคัญของโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการช่วยเหลือเกษตรกร ให้มีน้ำใช้ แก้ปัญหาความยากจน ที่มี ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานคณะทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของโครงการฯ ผ่านอาชีวะเกษตร เพื่อสนับสนุนให้มีการแก้ความยากจนอย่างยั่งยืน สร้างงานสร้างเงินสร้างคุณภาพชีวิตด้วย “STI” วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม
โดยนายโชติ ได้ร่วมบริจาคเงินให้โครงการเพื่อเป็นทุนแรกเริ่มในการตั้งกองทุน เป็นเงิน 100 ล้านบาท ในการนำไปบริหารโครงการโดยรวมและสร้างโมเดลต้นแบบการกักเก็บน้ำ รองรับน้ำฝน บนพื้นที่อาชีวะเกษตรก่อนขยายผลไปยังชุมชนโดยรอบ เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำกิน ช่วยสร้างงานสร้างเงินสร้างคุณภาพชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้กับนักศึกษาอาชีวะเกษตรรวมทั้งคนในชุมชน ตามแนวนโยบายของคุณหญิงกัลยา ในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแลอาชีวะเกษตร
ทั้งนี้ โครงการฯ มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มต้นทำในพื้นที่ของวิทยาลัยเกษตรที่มีความพร้อมในการทำ โครงการนำร่อง ใน 5 วิทยาลัย ได้แก่ วิทยาลัยเกษตรจังหวัดอุบลราชธานียโสธร มหาสารคาม ร้อยเอ็ดและศรีสะเกษ เพื่อสร้างโมเดลต้นแบบการเก็บน้ำไว้ใต้ดิน ก่อนขยายผลไปยังจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ โดยผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรทั้ง 5 แห่ง ได้เข้ามาร่วมประชุมกับคณะทำงานฯ ร่วมวางแผนงาน ที่มีคุณหญิงกัลยาเป็นประธานในการประชุม และได้ให้นโยบายรวมถึงแนวทางในการขับเคลื่อนโครงการฯ ทุกวิทยาลัยได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมทั้งในส่วนของครูและนักศึกษาที่จะเป็นแกนนำในการเร่งดำเนินโครงการสร้างโมเดลต้นแบบบนพื้นที่อาชีวะเกษตรก่อนขยายผลไปในชุมชนโดยรอบ เพื่อให้ทันกับฤดูฝนนี้ โดยตั้งเป้าว่าจะเริ่มต้นได้ภายในเดือนมิถุนายน 2563
“ขอบพระคุณมูลนิธินโยบายสาธารณะไทย โดยท่านประธานมูลนิธิ คุณโชติ โสภณพนิช เป็นอย่างสูงที่เห็นความสำคัญของโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีคุณหญิงกัลยา เป็นประธานคณะทำงานฯ และมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะขับเคลื่อนโครงการนี้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาความยากจน สร้างเงินสร้างงานสร้างคุณภาพชีวิต…คณะทำงานฯ จะเร่งดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ เพราะปัญหาของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงทางด้านเศรษฐกิจ การมีบ่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในชุมชน จะช่วยให้คนมีน้ำอุปโภค ประกอบอาชีพทางการเกษตร ทำมาหากินได้ มีงานทำ มีรายได้ ปลดหนี้สิน และหลุดพ้นจากความลำบาก” นางดรุณวรรณ กล่าว