พลเอก ประวิตร สั่งทุกหน่วยภายใต้ กอนช. เร่ง 8 มาตรการคุมน้ำท่วมปี 63 ดึงธนาคารน้ำใต้ดินเก็บน้ำหลาก

พฤหัส ๑๑ มิถุนายน ๒๐๒๐ ๑๔:๑๖
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2563 ณ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้คณะทำงาน กอนช. อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักงบประมาณ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นต้น

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีฝนตกในทุกภูมิภาคของประเทศไทย และจะมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลังจากนี้ โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณภาคภาคเหนือและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ดังนั้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมมือกันเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์น้ำที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรัดกุมและรอบด้าน รวมทั้งให้มีการเตรียมแผนการบริหารจัดการน้ำสำหรับแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืนควบคู่ไปพร้อมกันด้วย พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้ร่วมติดตามความก้าวหน้าการปฏิบัติงานตาม 8 มาตรการรองรับสถานการณ์ฤดูฝน ปี 2563 โดยขณะนี้หน่วยงานผู้รับผิดชอบได้ดำเนินงานรุดหน้าไปแล้วในหลายส่วน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการประเมินสถานการณ์ในช่วงฤดูฝนปีนี้ว่าหลายพื้นอาจที่มีฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมฉับพลัน ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้หน่วยงานเร่งรัดดำเนินการ ดังนี้ 1) ให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการจัดทำแผนและมาตรการรับน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำบางระกำและพื้นที่ลุ่มต่ำ 12 ทุ่งในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างเพื่อรองรับน้ำหลาก ให้แล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2563 สำหรับทุ่งรับน้ำใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ ลำน้ำยัง จ.ร้อยเอ็ด และบางพลวง จ.ปราจีนบุรี ให้จัดเตรียมพื้นที่ให้แล้วเสร็จในปีต่อไป 2) ให้กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เร่งจัดทำเกณฑ์การบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำและเกณฑ์ระบายน้ำในส่วนที่เหลือ ให้แล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2563

3) ให้กรมชลประทาน กรุงเทพมหานคร และจังหวัดในเขตปริมณฑล จัดทำเกณฑ์การระบายน้ำ การควบคุมระดับน้ำ การสูบน้ำบริเวณประตูระบายน้ำในพื้นที่รอยต่อกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 13 แห่ง ให้ชัดเจน และกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังและแผนป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานคร 4) ให้กรมชลประทาน กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมเจ้าท่า การรถไฟแห่งประเทศไทย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ปรับแผนงานปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำ ปี 2563 ให้แล้วเสร็จก่อนฤดูน้ำหลาก พร้อมจัดทำแผนงานส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จ ในปี 2565 และ 5) ให้กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เร่งรัดการกำจัดผักตบชวาในแม่น้ำสายหลักให้แล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2563 ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถรองรับสถานการณ์ได้ทันเวลาและลดผลกระทบที่อาจเกิดต่อทรัพย์สิน ชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชน ให้ได้มากที่สุด

ด้าน ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการ กอนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรียังได้มีความห่วงใยต่อปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มักประสบปัญหาการระบายน้ำไม่ทัน ดังนั้น เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานภายใต้ กอนช. ด้านบูรณาการและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลขึ้น

จากผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาได้ดำเนินการขุดลอกคู คลอง สองฝั่งถนนวิภาวดีรังสิต และคลองเชื่อมถนนวิภาวดีรังสิตลงคลองเปรมประชากรตั้งแต่เขตดอนเมืองถึงเขตดินแดง แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2563 เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ แม้ปัจจุบันการดำเนินงานจะเน้นย้ำในส่วนของด้านรองรับสถานการณ์น้ำหลากเนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝน แต่ กอนช. ยังคงให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้ ที่ประชุมได้ติดตามความก้าวหน้าโครงการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ปี 2562/63 โดยขณะนี้ได้ดำเนินการแล้ว 1,408 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 86.59 ของจำนวนพื้นที่ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว สามารถเพิ่มปริมาณน้ำบาดาล 47.71 ล้าน ลบ.ม./ปี ประชาชนได้รับประโยชน์จากน้ำบาดาล 203,891 ครัวเรือน สามารถเพิ่มปริมาณน้ำดิบผลิตประปา 61.54 ล้าน ลบ.ม./ปี ผู้ใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้น 183,192 ราย มีน้ำประปาสำรอง 0.70 ล้าน ลบ.ม. พร้อมทั้งได้ร่วมติดตามความก้าวหน้าของโครงการเร่งด่วนเพื่อการกักเก็บน้ำในฤดูฝน ปี 2563 โดยขณะนี้ดำเนินการแล้ว จำนวน 286 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 15.57 ของจำนวนพื้นที่ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว โดยสามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้ 61.10 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 255,938 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 81,391 ครัวเรือน จ้างแรงงาน 6,159 คน ซึ่งทุกหน่วยงานจะเร่งดำเนินการให้ครบทุกพื้นที่เป้าหมายเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วต่อไป

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการในการเร่งพัฒนาธนาคารน้ำใต้ดิน โดยมี สทนช. และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นเจ้าภาพหลัก พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนการพัฒนาบ่อน้ำบาดาลและธนาคารน้ำใต้ดิน ตามหลักเกณฑ์ที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเสนอ โดยเฉพาะท้องถิ่นให้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดพื้นที่ดำเนินการเก็บน้ำใต้ดินให้มากขึ้น ดังนั้น เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบกรอบแนวทางการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการธนาคารน้ำใต้ดินภายใต้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำโดยมี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ซึ่ง สทนช.จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version